ขบ.จับมือสรท.ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ยกระดับมาตรฐานขนส่งสินค้าทางถนน เสริมศักยภาพโลจิสติกส์ไทยสู่เวทีโลก

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 อาคาร 1 กรมการขนส่งทางบก (จตุจักร) โดย อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (นายจิรุตม์ วิศาลจิตร) และประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) (นายธนากร เกษตรสุวรรณ) พร้อมผู้บริหารระดับสูงทั้งสองหน่วยงาน ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ยกระดับมาตรฐานขนส่งสินค้าทางถนน เสริมศักยภาพโลจิสติกส์ไทยสู่เวทีโลก โดยทั้งสองหน่วยงาน มุ่งเน้นการพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกภายใต้มาตรฐานคุณภาพของกรมการขนส่งทางบก โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการขนส่งให้มีคุณภาพและมาตรฐาน ยกระดับความปลอดภัย ลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของประเทศอย่างยั่งยืน

บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ จะพัฒนาและส่งเสริมมาตรฐานคุณภาพที่สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ มาตรฐานคุณภาพบริการขนส่งด้วยรถบรรทุก (Q Mark), มาตรฐานคุณภาพการขนส่งสินค้าเกษตรและอาหารด้วยรถบรรทุกแบบควบคุมอุณหภูมิ (Q Cold Chain), และ บุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (Transport Safety Manager: TSM) รวมถึงการพัฒนาแนวปฏิบัติด้านดิจิทัลโลจิสติกส์และการขนส่ง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บริหารจัดการได้ตามมาตรฐาน ซึ่งล้วนแล้วแต่จะเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างการขนส่งทางถนนของไทย ให้มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยทั้งสองหน่วยงานมีเจตจำนงที่จะร่วมมือกันพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อสร้างระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดย “ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบโลจิสติกส์ของไทย กรมการขนส่งทางบกพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านวิทยากร องค์ความรู้ และการอำนวยความสะดวกในการตรวจประเมิน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงและได้รับการรับรองมาตรฐาน Q Mark และ Q Cold Chain ได้อย่างแพร่หลาย ซึ่งไม่เพียงแต่จะยกระดับคุณภาพการบริการ แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยตลอดโซ่อุปทาน”

ภายใต้ความร่วมมือนี้ กรมการขนส่งทางบก ได้เล็งเห็นความสำคัญอย่างยิ่งของการมีระบบขนส่งทางถนนที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้ ความร่วมมือนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก สรท. และผู้ประกอบการในซัพพลายเชน สามารถเข้าถึงบริการขนส่งที่ได้มาตรฐานสากล จะให้การสนับสนุนการทำงานในด้านต่างๆ อาทิ 1) การประชาสัมพันธ์มาตรฐานคุณภาพด้านการขนส่งสินค้า ทางถนนของกรมฯ ได้แก่ มาตรฐานคุณภาพบริการขนส่งด้วยรถบรรทุก (Q Mark) และมาตรฐานคุณภาพ การขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ (Q Cold Chain) 2) พัฒนาทักษะและองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการขนส่งสินค้าทางถนนให้แก่ผู้ประกอบการขนส่ง 3) สนับสนุนการฝึกอบรมบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัย ในการขนส่ง (Transport Safety Manager: TSM) และ 4) สนับสนุนการพัฒนาแนวปฏิบัติด้านดิจิทัลโลจิสติกส์ และการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

สรท. ในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบการผู้ส่งออก จะทำหน้าที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเห็นความสำคัญและเข้ารับการรับรองมาตรฐาน รวมถึงการพัฒนาบุคลากร TSM และผลักดันโครงการ Green Logistics เพื่อให้กระบวนการโลจิสติกส์ของไทยมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบสนองต่อมาตรการทางการค้าโลกได้อย่างยั่งยืน พร้อมดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนกรมการขนส่งทางบกและผู้ประกอบการในมิติต่างๆ อาทิ 1) ผลักดันให้ผู้ประกอบการขนส่ง ที่เป็นสมาชิกและอยู่ในโซ่อุปทานการส่งออก เข้ารับการรับรองมาตรฐาน Q Mark และ Q Cold Chain อย่างต่อเนื่อง 2) มอบสิทธิประโยชน์ในการเข้าร่วมอบรมหลักสูตรต่างๆ ของ สรท. เทียบเท่าสมาชิก 3) ส่งเสริมการเข้าร่วมโครงการ Green Logistics ของกรมการขนส่งทางบก เพื่อสอดรับกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม 4) ร่วมพัฒนาหลักสูตรอบรม ที่สอดคล้องกับมาตรฐานของ ขบ. และความต้องการของภาคการส่งออก และ 5) สนับสนุนการฝึกอบรมบุคลากร TSM เพื่อสร้างความปลอดภัยอย่างยั่งยืนในโซ่อุปทาน เป็นต้น

ความร่วมมือระหว่าง กรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐมีภารกิจในการกำกับดูแลและพัฒนาระบบการขนส่งทางถนนของประเทศไทยให้มีคุณภาพ ปลอดภัย และได้มาตรฐาน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ  และ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ในฐานะเป็นองค์กรตัวแทนภาคเอกชนที่ทำหน้าที่ส่งเสริมและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ส่งออกไทย พัฒนาประสิทธิภาพด้านการค้าระหว่างประเทศและระบบโลจิสติกส์ ในครั้งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนให้กระบวนการจัดการโลจิสติกส์ (ด้านการขนส่งทางบก) และโซ่อุปทานของภาคการค้าและการส่งออกของไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างยั่งยืน เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศทั่วโลก