SCGD มั่นใจฐานการผลิตเวียดนาม หนุนเติบโตระยะยาว รับมือเศรษฐกิจผันผวน พร้อมขยายส่งออก ลดผลกระทบภาษีสหรัฐฯ
บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) ยืนยันความแข็งแกร่งกลยุทธ์การเติบโตและความยืนหยุ่นของธุรกิจ แม้ในสถานการณ์ที่ประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ สูงถึง 36% อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวฯ ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากการส่งออกสหรัฐฯ น้อยกว่าร้อยละ 1 ของยอดขายทั้งหมด พร้อมเดินหน้ารุกขยายการส่งออกจากเวียดนามโดยใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิต ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจผันผวนพร้อมรับมือสภาวะตลาดที่ผันผวนไม่แน่นอนและท้าทาย
นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) กล่าวว่า “เรามองเห็นศักยภาพการเติบโตและความสามารถการแข่งขันในระยะยาวของเวียดนาม ด้วยเศรษฐกิจเวียดนามที่เติบโตต่อเนื่อง โครงสร้างประชากรในวัยทำงานที่เอื้อต่อการจ้างงาน และต้นทุนการผลิตที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก และยังเป็นประเทศแรกในอาเซียน ที่มีข้อตกลงทางภาษีศุลกากรของสินค้าเวียดนามที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่ระดับ 20% ทั้งนี้ บริษัทฯ มีฐานการผลิตที่สำคัญที่เวียดนาม ในเครือ PRIME GROUP ซึ่งเป็นผู้นำตลาดกระเบื้องอันดับ 1 ของเวียดนาม โดยครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20% และมีแผนขยายสู่ภาคใต้ของประเทศ โดยอาศัยความได้เปรียบจากเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายที่แข็งแกร่งและแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูง
ทั้งนี้ PRIME GROUP มียอดขาย Glazed Porcelain เพิ่มขึ้นกว่า 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตลาดไทยยังชะลอตัว ทั้งยัง ได้เปรียบด้านต้นทุนพลังงาน และค่าแรงของเวียดนามก็ต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน นอกจากนี้ ยังเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องในพลังงานทางเลือก อาทิ ระบบ Solar และเชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass) ซึ่งไม่เพียงช่วยลดต้นทุน แต่ยังสนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทอีกด้วย
ปัจจุบันบริษัทฯ เดินเครื่องผลิต Glazed porcelain เต็มกำลัง และได้เริ่มขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมที่โรงงาน Pho Yen โดยระยะที่ 1 แล้วเสร็จกว่า 2.5 ล้านตารางเมตร และคาดว่าจะแล้วเสร็จระยะที่ 2 อีก 2.5 ล้านตารางเมตร ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ รวมถึงแผนพัฒนากระเบื้อง HVA และกระเบื้องขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และยุโรป ซึ่งสามารถใช้ความได้เปรียบด้านต้นทุนและภาษีเพื่อขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับซัพพลายเออร์ระดับแนวหน้าเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ภายใต้ SCGD มีคุณภาพระดับโลก ซึ่งรวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์พรีเมียมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ร่วมมือกับพันธมิตรจากยุโรป เพื่อแข่งขันกับสินค้าจากผู้เล่นระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมแสวงหาโอกาสใน Merger and Partnership และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์โดยเฉพาะในเวียดนาม เพื่อขยายธุรกิจเซรามิกและสุขภัณฑ์ให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า เวียดนามจะเป็นฐานการผลิตหลักและการส่งออก เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขันระดับโลก และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง