ทล. ทุ่ม 400 ล้าน สร้างทางคู่ขนาน 6 เลน-สะพานแห่งใหม่ @ถ.พระราม 2 เริ่มตอกเข็ม ก.ย.68 ยันไม่กระทบการจราจร-ปลอดภัย
“กรมทางหลวง” ทุ่มงบ 400 ล้าน สร้างทางคู่ขนานถนนพระราม 2 – สะพานใหม่ ขนาด 6 เลน (ไป-กลับ) พร้อมสะพานใหม่ข้างละ 2 แห่ง คาดเริ่มตอกเข็ม ก.ย. 68 ใช้ระยะเวลา 780 วัน หวังแก้ปัญหารถติดถนนเจ็ดชั่วโคตร ยืนยันการก่อสร้างไม่กระทบต่อการจราจร-มีความปลอดภัย
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ทล. ได้อนุมัติงบประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ขนานถนนพระราม 2 สายทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว – บ.บางน้ำวน ช่วง กม.39+000 – กม.40+050 ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณในปี 2568 และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในเดือนกันยายน 2568 โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 780 วัน ได้แก่
- ก่อสร้างสะพานใหม่ข้างละ 2 แห่งในช่องทางคู่ขนาน ข้ามคลองขุดบ้านบ่อ (กม.39+357) ความยาว 370 เมตร และคลองท่าแร้ง (กม.39+987) ความยาว 350 เมตร เพื่อขจัดปัญหาคอขวดบริเวณสะพานช่องทางหลัก พร้อมปรับปรุงจุดกลับรถใต้สะพานจำนวน 4 แห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและลดปัญหาการตัดกระแสจราจรบนทางหลัก
- ปรับปรุงทางคู่ขนานใหม่ขนาด 6 ช่องจราจร (ไป – กลับ) ผิวทางคอนกรีต ไหล่ทาง และทางเท้า เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับการจราจร ซึ่งจะส่งผลดีต่อการระบายรถและลดความแออัด พร้อมทั้งระบบระบายน้ำ
ทั้งนี้ ถนนพระราม 2 หรือทางหลวงหมายเลข 35 ถือเป็นเส้นทางหลักสู่ภาคใต้ที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่นถึง 200,000 คันต่อวัน และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ดังนั้น ทล. จึงได้ดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อแก้ไขปัญหาเพื่อให้การสัญจรของประชาชนมีความราบรื่นและสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงรองรับปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะบริเวณจุดสัญจรเป็นลักษณะคอขวด ได้แก่ สะพานคลองขุดบ้านบ่อ (กม.39+357) และสะพานข้ามคลองท่าแร้ง (กม.39+987) ในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งปัจจุบันบริเวณสะพานคลองขุดบ้านบ่อและสะพานข้ามคลองท่าแร้ง มีช่องจราจรเพียง 3 ช่อง ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก ส่งผลให้รถเคลื่อนตัวช้า และมีรถติดสะสมเป็นระยะทางยาว รวมไปจนถึงรถยนต์ที่มาจากโครงการก่อสร้างทางพิเศษหมายเลข 82 (M82) ที่ไหลเข้ามาสู่ถนนพระราม 2 มีแนวโน้มที่สูงขึ้นต่อเนื่อง
นายอภิรัฐ กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินโครงการนั้น การก่อสร้างทั้งหมดจะดำเนินการในพื้นที่นอกช่องทางหลักที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบต่อการจราจรบนช่องทางหลักแต่อย่างใด และ ทล. รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้วางแผนการก่อสร้างอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ใช้ทางน้อยที่สุด และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการจราจรด้วยความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ประชาชนยังคงสามารถเดินทางได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การก่อสร้างทางคู่ขนานและสะพานใหม่นี้ จะช่วยเพิ่มช่องทางรองรับรถยนต์ในทิศทางขาออก ลดปัญหาการเบียดแทรก และบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณคอสะพานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชนผู้ใช้ทาง