กทพ. จัดฟังเสียงเอกชนร่วมลงทุนโปรเจกต์ ’ทางด่วน จ.ภูเก็ต‘ ระยะทาง 34.6 กม. คาดเปิดใช้ปี 73

กทพ. จับรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน ร่วมลงทุนโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต 2 เฟส ช่วงกะทู้ป่าตอง & ช่วงเมืองใหม่เกาะแก้วกะทู้ ระยะทาง 34.6 กม. คาดแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 73 ช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้ประชาชนนักท่องเที่ยว

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า วันนี้ (7 มี.ค. 2568) กทพ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Opinion Hearing) งานศึกษาทบทวนความเหมาะสม และจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง และระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ เพื่อนำความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนมาประกอบการจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ

สำหรับความคืบหน้าของโครงการตามแผนงานนั้น โครงการระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ขณะนี้ ได้เสนอไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วโดยอยู่ในขั้นตอนสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันกระทรวงการคลังเห็นชอบ คาดว่าจะเสนอต่อ ครม. เห็นชอบ ในปี 2568 และประมูลคัดเลือกผู้รับเหมา คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างได้ปลายปี 2568 หรือต้นปี 2569 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี แล้วเสร็จปลายปี 2572 เปิดให้บริการปี 2573

ส่วนโครงการระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ จะเสนอขออนุมัติให้กทพ.ดำเนินโครงการ โดยจัดทำแบบรายละเอียด (Detail & Design) ปี 2568-2569 ก่อสร้างปี 2570-2572 (ใช้เวลา 3 ปี ) เปิดให้บริการปี 2573 ใกล้เคียงกับการเปิดให้บริการ ระยะที่ 1 ขณะที่งานก่อสร้างระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง ระบบควบคุมและบริหารจัดการจราจร ทั้ง 2 ระยะที่เป็นการร่วมลงทุนเอกชนนั้น คาดว่าจะเสนอโครงการตามขั้นตอน พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ พ.ศ.2562 ในปี 2568-2569 ดำเนินการคัดเลือกเอกชน ในปี 2569-2571 เริ่มก่อสร้างระบบในปี 2571 ซึ่งจะพอดีกับงานโยธาและกำหนดเปิดให้บริการทั้ง 2 ระยะ ในปี 2573

นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ตนั้น เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทางถนน แก้ไขปัญหาการจราจร และอำนวยความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางให้กับคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว ประกอบด้วยโครงการทางพิเศษ มีระยะทางรวม 34.60 กิโลเมตร (กม.) แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ โครงการระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง มีระยะทาง 3.98 กม. และโครงการระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ มีระยะทาง 30.62 กม. 

ทั้งนี้ กทพ. ได้ดำเนินการศึกษาแนวทางการดำเนินโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต โดยรัฐจะรับผิดชอบงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน กทพ. ดำเนินการออกแบบและก่อสร้างงานโยธา โครงการระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง และระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ สำหรับการก่อสร้างงานระบบ และการบริหารจัดการและบำรุงรักษา (Operation & Maintenance: O&M) ของโครงการทั้ง 2 ระยะ เช่น งานระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง และระบบควบคุมจราจร เป็นต้น

ขณะเดียวกัน กทพ. ได้เห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของเอกชน ดังนั้น จึงได้เปิดโอกาสให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการ โดย มูลค่าเงินลงทุนโครงการ ประกอบด้วย ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ค่าก่อสร้างงานโยธา (รวมค่าควบคุมงานก่อสร้าง) และค่าก่อสร้างงานระบบจัดเก็บค่าผ่านทางและระบบควบคุมจราจร (งานระบบ) ของโครงการ ระยะที่ 1 รวมประมาณ 16,759 ล้านบาท และโครงการ ระยะที่ 2 รวมประมาณ 45,930 ล้านบาท

นายสุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ค่าก่อสร้างงานระบบของโครงการทั้ง 2 ระยะ รวมประมาณ 2,230 ล้านบาท ส่วนค่าดำเนินการและบำรุงรักษา (O&M) โครงการทั้ง 2 ระยะ (ระยะเวลา 30 ปี) รวมประมาณ 24,800 ล้านบาท สำหรับการจัดเก็บค่าผ่านทางของโครงการระยะที่ 1 จัดเก็บค่าผ่านทางอัตราเดียว (Flat Rate) มีอัตราค่าผ่านทาง ณ ปีเปิดให้บริการ (ปี 2573) เท่ากับ 15/ 40/ 85/ 125 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์/ รถ 4 ล้อ/ รถ 6-10 ล้อ/ รถมากกว่า 10 ล้อ ตามลำดับ

ด้านโครงการระยะที่ 2 จัดเก็บค่าผ่านทางตามระยะทาง (Distance-Based Rate) โดยมีอัตราค่าแรกเข้า 40/ 80/ 120 บาท และค่าผ่านทางต่อระยะทาง 1.50/ 3.00/ 4.50 บาทต่อกิโลเมตร สำหรับรถ 4 ล้อ/ รถ 6-10 ล้อ/ รถมากกว่า 10 ล้อ ตามลำดับ สำหรับการคาดการณ์ปริมาณจราจร ณ ปีเปิดให้บริการ (ปี 2573) ประมาณ 69,386 คัน/วัน โดยโครงการมีอัตราผลตอบแทนด้านการเงิน (FIRR) เท่ากับ 1.82% และโครงการนี้มีความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ อัตราผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ (EIRR) เท่ากับ 18.85%

การจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากนักลงทุนภาคเอกชน เพื่อทราบถึงความสนใจของนักลงทุน และการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการตัดสินใจลงทุน รวมถึงได้รับข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วน ประกอบการจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต นับเป็นทางเลือกในการเดินทางที่จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบนถนนเทพกระษัตรี (ทางหลวงหมายเลข 402) และถนนพระบารมี (ทางหลวงหมายเลข 4029) รวมทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการคมนาคมและแก้ไขปัญหาการจราจรในจังหวัดภูเก็ตให้เกิดความสะดวกและปลอดภัยต่อผู้เดินทางยิ่งขึ้น” นายสุรเชษฐ์ กล่าว