ปลื้มปิติ! ทอท. เตรียมพร้อมรับเสด็จในหลวง-พระราชินี ทรงเปิดอาคาร SAT-1 และรันเวย์ 3 วันที่ 20 มี.ค.นี้ ด้าน “กีรติ” เผยมีมากกว่า 50 สายการบินใช้อาคารเฉลี่ยวันละ 150 ไฟลท์ คาดปี 68 มีกว่าวันละ 250 ไฟลท์ พร้อมกางแผนลงทุน 2 โปรเจกต์ มูลค่า 1.42 แสนล้าน จ่อประมูลอาคารด้านตะวันออก พ.ค.นี้ เสร็จปี 71 เร่งด้านใต้สร้างเสร็จปี 76 เพิ่มขีดความสามารถรับผู้โดยสาร 150 ล้านคน/ปี ดันติด Top 10 ของโลก
นายกีรติ กิจมานะวัฒนะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 มี.ค. 2568 เวลาประมาณ 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอาคาร SAT-1 และทางวิ่งที่ 3 (รันเวย์ที่ 3) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงยิ่ง สร้างความปลื้มปีติ และเป็นโอกาสอันดีที่ปวงชนชาวไทย และชาว ทอท. จะได้ร่วมเฝ้ารับเสด็จ
ทั้งนี้ ตามที่ ทอท. ได้เปิดใช้อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ อาคาร SAT-1 ตั้งแต่เมื่อ ก.ย. 2566 ซึ่งในช่วงระยะเวลาประมาณ 1 ปีกว่าที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนและนักท่องเที่ยวให้คะแนนความพึงพอใจ 4.8 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยปัจจุบันได้เปิดใช้งานหลุมจอดประชิดอาคารทั้งหมด 28 หลุมจอดครบ 100% ซึ่งขณะนี้ อาคาร SAT-1 มีสายการบินมาใช้บริการมากกว่า 50 สายการบิน มีเที่ยวบินระหว่างประเทศเฉลี่ย 150 เที่ยวบินต่อวัน คิดเป็นประมาณ 30% ของเที่ยวบินระหว่างประเทศของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่มีทั้งหมดประมาณ 600 เที่ยวบินต่อวัน โดยในปี 2568 ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะมีเที่ยวบินมาใช้บริการอาคาร SAT-1 กว่า 250 เที่ยวบินต่อวัน จากขีดความสามารถรองรับเที่ยวบินได้ 300-350 เที่ยวบินต่อวัน
ทอท. มีความตั้งใจให้อาคาร SAT-1 เป็นกลไกสำคัญในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของโลก เนื่องจากได้มีการออกแบบให้เป็นอาคารเปิด (Open Design) ซึ่งผู้โดยสารสามารถเดินเชื่อมต่อได้ทั้ง 28 หลุมจอด อีกทั้ง อาคาร SAT-1 ยังถูกออกแบบให้รองรับการเชื่อมต่อเที่ยวบิน และเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสาร (Transit) รวมถึงมีจุดตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) อยู่ภายในอาคารด้วย จึงไม่ต้องออกจากอาคาร SAT-1 สามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางอื่นได้ทันที ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว“ นายกีรติ กล่าว
นายกีรติ กล่าวต่อว่า สำหรับขณะนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารได้ 65 ล้านคนต่อปี โดยเมื่อปี 2567 มีผู้โดยสาร รวม 60 ล้านคนต่อปี และคาดว่าในปี 2568 มีผู้โดยสารประมาณ 64 ล้านคนต่อปี ทั้งนี้ ทอท. จึงเตรียมก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก (East Expansion) มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท คาดว่า จะเปิดประกวดราคา (ประมูล) ในช่วง พ.ค. 2568 ได้ผู้ชนะการประมูลช่วง ก.ค. 2568 เริ่มก่อสร้าง พ.ย. 2568 ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี แล้วเสร็จในปี 2571 สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 15 ล้านคน รวมเป็น 80 ล้านคนต่อปี
นอกจากนี้ ทอท. ยังมีแผนดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) รวมการก่อสร้างรถไฟฟ้าไร้คนขับ (APM) และทางวิ่งเส้นที่ 4 (รันเวย์ 4) รวมวงเงิน 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการทบทวนแผนแม่บทฯ และการจ้างที่ปรึกษาโครงการฯ คาดว่า จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2570 ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 6 ปี แล้วเสร็จในปี 2576
อย่างไรก็ตาม เมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จ รองรับผู้โดยสารเพิ่มได้อีก 70 ล้านคนต่อปี จะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีขีดความสามารถรองรับได้ 150 ล้านคนต่อปี โดยจะทำให้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของท่าอากาศยานที่รองรับผู้โดยสารได้มากที่สุดในโลก จากปัจจุบันติดอันดับ 1 ใน 30 ของโลก ส่วนอาคารด้านทิศเหนือ (North Terminal) นั้น เมื่อมีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้แล้ว ทอท. มีแผนจะปรับพื้นที่ดังกล่าว ให้เป็นศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) และคลังสินค้า (Cargo)