‘การบินไทย’ ตั้งธง! ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ พ.ค.68 เผยปี 67 โกยรายได้ 1.8 แสนล้าน จ่อเพิ่มฝูงบินปีนี้ 9 ลำ
“การบินไทย” วางไทม์ไลน์แผนฟื้นฟูฯ ดีเดย์ประชุมผู้ถือหุ้นตั้งบอร์ดใหม่ 18 เม.ย.นี้ เล็งยื่นศาลขอยกเลิกฟื้นฟูกิจการ เม.ย. 68 ลุ้นกลับเข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ภายใน มิ.ย. 68 เผยผลการดำเนินงานปี 67 โกยรายได้ 1.8 แสนล้าน ระบุปีนี้ จะขยายฝูงบินเพิ่ม 9 ลำ พร้อมอัปเดตโปรเจกต์ MRO เตรียม MOU ร่วมบางกอกแอร์เวย์ส ลงทุน 1 หมื่นล้าน
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสถานะแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทยฯ และการกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ผู้บริหารแผนได้อนุมัติงบการเงินในประจำปี 2567 และเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ และการพ้นเหตุแห่งการเพิกถอนตลาดหลักทรัพย์ฯ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติอนุมัติการลดมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ของหุ้นของบริษัทฯ จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1.30 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมทางบัญชีของบริษัทฯ ให้ใกล้เคียงศูนย์มากที่สุด โดยจะทำให้ทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทฯ ลดลงจากจำนวนประมาณ 283,033 ล้านบาท เป็นจำนวนประมาณ 36,794 ล้านบาท และทำให้ผลขาดทุนสะสมลดลงเหลือ 180 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนยื่นต่อศาลฯ เพื่อขอจดทะเบียนลดทุนโดยการลดมูลค่าที่ตราไว้กับกระทรวงพาณิชย์ภายใน มี.ค. 2568 อีกทั้งในวันที่ 18 เม.ย. 2568 มีกำหนดจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจัดขึ้นตามข้อกำหนดของแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อพิจารณาอนุมัติกำหนดจำนวนและแต่งตั้งกรรมการบริษัท จำนวน 11 ท่านหรือ 12 ท่าน ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะยื่นต่อศาลเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการภายใน เม.ย. 2568 โดยคาดว่า ศาลล้มละลายกลางจะอนุมัติยกเลิกการฟื้นฟูกิจการภายใน พ.ค. 2568 ก่อนที่บริษัทฯ จะดำเนินการให้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามการขอกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ และหุ้นของบริษัทฯ กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน มิ.ย. 2568 ต่อไป
สำหรับกรรมการบริษัท จำนวน 11 ท่านหรือ 12 ท่าน ที่จะมีการแต่งตั้งในวันที่ 18 เม.ย.นี้นั้น ประกอบด้วย กรรมการในปัจจุบันจำนวน 3 ท่าน ได้แก่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร และพลอากาศเอก อำนาจ จีระมณีมัย และกรรมการเข้าใหม่จำนวน 8 ท่านหรือ 9 ท่าน (ตามแต่จำนวนกรรมการที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติอนุมัติ) โดยรายนามกรรมการเข้าใหม่ที่เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาเลือกตั้งประกอบด้วยกรรมการจำนวน 6 ท่าน ได้แก่ นายลวรณ แสงสนิท ดร. กุลยา ตันติเตมิท นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร นายชาติชาย โรจน์รัตนางกูร และนายชาย เอี่ยมศิริ และกรรมการอิสระจำนวน 3 ท่าน ได้แก่ นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล และนายสัมฤทธิ์ สำเนียง
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของผลการดำเนินงานในปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2567) การบินไทยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เท่ากับ 187,989 ล้านบาท เพิ่มจาก 161,067 ล้านบาทในปี 2566 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 16.7% ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) เท่ากับ 41,515 ล้านบาทในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 40,211 ล้านบาทในปี 2566 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 3.2% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) (EBIT Margin) สำหรับปี 2567 อยู่ที่ 22.1% ซึ่งดีกว่าประมาณการตามแผนฟื้นฟูกิจการ
ทั้งนี้ ตามงบการเงินรวมสำหรับปี 2567 การบินไทยมีผลขาดทุน 26,901 ล้านบาท เกิดจากผลขาดทุนทางบัญชีที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการจำนวน 45,271 ล้านบาท ที่บริษัทฯ ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วในช่วง พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยผลขาดทุนทางบัญชีส่วนใหญ่ประมาณ 40,582 ล้านบาท เกิดจากการใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้ที่ราคาตามแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม และส่วนที่เหลือมาจากการแปลงหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้ที่ได้รับการชำระหนี้ที่เร็วกว่ากำหนดที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ
ผลขาดทุน 26,901 ล้านบาท เป็นผลขาดทุนทางบัญชีซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และไม่ได้ส่งผลต่อการออกจากการฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ภายหลังการปรับโครงสร้างทุนยังคงเป็นบวก”
นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
ด้านนายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีอากาศยานที่ใช้ทำการบินรวมทั้งสิ้น 79 ลำ แบ่งเป็น แบบลำตัวกว้าง จำนวน 59 ลำ และลำตัวแคบ จำนวน 20 ลำ โดยในปี 2568 บริษัทฯ มีแผนเพิ่มฝูงบินอีกจำนวน 9 ลำ แบ่งเป็น แอร์บัส เอ330 จำนวน 7 ลำ, แอร์บัส เอ321 นีโอ จำนวน 1 ลำ และแอร์บัส เอ330-300 จำนวน 1 ลำ ซึ่งมีแผนจะนำมาให้บริการในการเพิ่มความถี่ในเส้นทางกรุงเทพ-มิวนิค จากวันละ 1 เที่ยวบิน เป็นวันละ 2 เที่ยวบิน หรือ 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
ขณะที่ตารางบินฤดูหนาว ประจำปี 2568 ของบริษัทฯ วางแผนทำการบินไปยัง 64 จุดบินเช่นเดียวกับในปี 2567 แต่มีจำนวนเที่ยวบินทั้งหมด 883 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 40 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากปี 2567 ที่มี 843 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารในเส้นทางบินยอดนิยม รวมถึงรองรับการเดินทางที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเร่งขยายขนาดฝูงบินให้เพียงพอต่อแผนเส้นทางบิน จำนวนเที่ยวบิน และความต้องการเดินทางของผู้โดยสาร เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการหารายได้ตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ และนำไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป
ในส่วนของความคืบหน้าโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) สนามบินอู่ตะเภา นายชาย กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมลงนาม (MOU) ร่วมกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส MOU เพื่อร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท ส่วนรายละเอียดของการร่วมลงทุนในครั้งนี้ จะต้องรอให้มีการลงนามเสร็จสิ้นก่อน อย่างไรก็ตาม ภายหลังการหารือร่วมกับ EEC โดย EEC มองว่า การบินไทย เป็น 1 ในผู้ประกอบการที่มีความสามารถ มีประสบการณ์ และมีฝูงบิน พร้อมทั้งสามารถสร้างรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ