ฉลุย! ครม.ไฟเขียวไฮสปีดไทย-จีน เฟส 2 ‘โคราช-หนองคาย‘ มูลค่า 3.4 แสนล้าน คาดสร้างปีนี้ เปิดใช้ปี 74

ครม. ไฟเขียวสร้างไฮสปีดไทย-จีน เฟส 2 ช่วงโคราช-หนองคาย ระยะทาง 357 กม. มูลค่ากว่า 3.4 แสนล้าน คาดเปิดประมูล มิ.ย.นี้ เริ่มก่อสร้างช่วงปลายปี 68 ตั้งเป้าเปิดบริการปี 74 ด้าน “สุริยะ” เผยดึงเอกชนเข้าร่วม PPP เดินรถตลอดเส้นทาง 610 กม. ช่วยหั่นงบลงกว่า 7 หมื่นล้าน พร้อมแนะ รฟท. นำบทเรียนเฟสแรกมาใช้ หวังไม่ให้โครงการล่าช้า ลั่น! “กรุงเทพ-โคราช” ได้ใช้แน่ปี 71 เชื่อมระบบราง “ไทย-ลาว-จีน” ดันไทยฮับคมนาคมขนส่งภูมิภาค

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ (4 ก.พ. 2568) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค กรุงเทพ-หนองคาย ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 341,351.42 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่างานโยธา 235,129 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สิน 10,310 ล้านบาท ค่าลงทุนระบบราง-ระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล 80,165 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษาบริหารโครงการ ควบคุมงานและรับรองระบบ 10,060 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังรวมถึงศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา วงเงิน 5,686.21 ล้านบาทด้วย

สำหรับการดำเนินการภายหลัง ครม. มีมติเห็นชอบแล้วนั้น ได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไปดำเนินการจัดทำเอกสารประกวดราคา (TOR) คาดว่า จะสามารถเปิดประมูลได้ภายใน มิ.ย. 2568 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในช่วงปลายปีนี้ ควบคู่กับการเวนคืนที่ดินที่จะแล้วเสร็จภายใน 1 ปี ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมายให้โครงการฯ แล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการในปี 2574 ต่อไป ส่วนรูปแบบการดำเนินการนั้น ภาครัฐจะเป็นผู้จัดหาแหล่งเงินกู้ เพื่อนำมาดำเนินการงานโยธา ส่วนการเดินรถจะเป็นผู้รับสัมปทานรายเดียว เดินรถตลอดทั้งเส้นทาง ตั้งแต่ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย รวมระยะทาง 610 กม. โดย รฟท.จะต้องไปดำเนินการศึกษารูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ซึ่งการให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนนั้น จะทำให้ภาพรวมมูลค่าของโครงการฯ ลดลงประมาณ 70,000 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 23% สอดคล้องกับข้อห่วงใยเรื่องของงบประมาณสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

ขณะที่การแบ่งสัญญาการดำเนินการของระยะที่ 2 จะไม่แบ่งหลายสัญญาเหมือนกับรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. ซึ่งตอนนี้มีความล่าช้า โดยมีความคืบหน้าประมาณ 40.53% พร้อมทั้งนำบทเรียนของระยะที่ 1 มาเป็นประสบการณ์ต่อการดำเนินการในระยะที่ 2 ด้วย รวมถึงเน้นย้ำเน้นย้ำให้ดำเนินการควบคู่กับการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เวนคืนที่ดินด้วย อย่างไรก็ตาม ได้เร่งรัดให้ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา สามารถเปิดให้บริการในปี 2571 โดยมอบหมายให้ รฟท. ติดตามผู้รับเหมาให้สามารถดำเนินการให้ทันตามกำหนด เพื่อสร้างโอกาสประเทศไทยในการเชื่อมโยงไทยกับเศรษฐกิจโลก สร้างโอกาสให้คนไทยได้ทำการค้าการลงทุนกับตลาดในภูมิภาค ไทย สปป.ลาว และจีน รวมทั้งนับเป็นอีกก้าวของรัฐบาลในการเร่งรัดเดินตามแผนยุทธศาสตร์ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานวางอนาคตให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub)