‘สุริยะ’ ขานรับข้อสั่งการ ‘นายกฯ’ จ่อของบกลาง 80 ล้าน มอบ รฟท. ศึกษารถไฟทางคู่ ‘หาดใหญ่ – สุไหง-โกลก’ คาดเปิดใช้ปี 77

“สุริยะ” ขานรับข้อสั่งการ “นายกฯ” จ่อของบกลาง 80 ล้าน มอบ รฟท. ศึกษารถไฟทางคู่ “ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโก-ลก” 216 กม. วงเงิน 3.4 หมื่นล้าน คาดเริ่มสร้างปี 72 เสร็จปี 77 ส่วนทางคู่ เฟส 2 อีก 6 เส้นทาง มูลค่า 2.8 แสนล้าน รอบอร์ดสภาพัฒน์ชุดใหม่เคาะไฟเขียว

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการพัฒนารถไฟทางคู่ โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟทางคู่ในเส้นทางสายใต้ “ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโก-ลก” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งทางราง เชื่อมโยงการเดินทางครอบคลุมทั่วประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งยังสนับสนุนความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย – มาเลเซีย การค้าชายแดน การท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของโครงการฯ ในทุกๆ ด้านอย่างละเอียด โดยเตรียมเสนอของบกลาง วงเงินประมาณ 80 ล้านบาท เพื่อนำมาดำเนินการศึกษา ซึ่งหากได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว รฟท. จะดำเนินการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษามาศึกษาโครงการฯ โดยจะใช้ระยะเวลาศึกษา 1 ปี หรือศึกษาแล้วเสร็จภายในปี 2569 ก่อนเข้าสู่กระบวนการออกแบบรายละเอียดในปี 2569 – 2570

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า จากนั้นในช่วงปี 2570 – 2571 จะดำเนินการจัดทำรายงานและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อนเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติโครงการภายในปี 2571 และจะดำเนินการขอออกพระราชกฤษฎีกา (พรฎ.) เวนคืนและเวนคืนที่ดินในปี 2571 – 2573 ซึ่งระหว่างนั้นจะดำเนินการจัดทำเอกสารประกวดราคา (TOR) ราคากลาง และจัดประกวดราคาควบคู่ไปด้วย ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการก่อสร้างในปี 2572 คาดว่า จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้บริการในปี 2577

สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโก-ลก จะมีระยะทางรวม 216 กิโลเมตร (กม.) ใช้งบประมาณค่าก่อสร้างรวม 34,590 ล้านบาท มีจำนวน 27 สถานี ที่หยุดรถไฟ 8 แห่ง และย่านเก็บกองและขนถ่ายสินค้า 2 แห่ง ทั้งนี้ เมื่อโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะช่วยรองรับการเชื่อมต่อระบบรางระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย โดยมีเส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปถึงสถานีสุไหงโก-ลก และสิ้นสุดที่สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโก-ลก บริเวณพรมแดนไทย –มาเลเซีย

ทั้งนี้ สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโก-ลก ได้รับการปรับปรุงให้มีความพร้อมในการใช้งาน แต่เส้นทางรถไฟเชื่อมต่อในฝั่งมาเลเซีย ช่วงรันเตาปันจัง – ปาซีร์มัซ ถูกปิดใช้งานไปตั้งแต่ปี 2548 ปัจจุบันมีสภาพชำรุดใช้การไม่ได้ ดังนั้น หากมาเลเซียปรับปรุงเส้นทางช่วงดังกล่าว ให้กลับมาเปิดให้บริการได้ จะสามารถเชื่อมต่อโครงข่ายระบบรางและสามารถเปิดเดินขบวนรถผ่านพรมแดนได้ทันที

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,488 กม. วงเงินรวมประมาณ 2.8 แสนล้านบาท โดยผ่านความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือบอร์ดสภาพัฒน์ชุดใหม่ ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติโครงการฯ ต่อไป

สำหรับรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทาง 1,312 กม. วงเงินรวมประมาณ 2.8 แสนล้านบาท ประกอบด้วย 1.ช่วงปากน้ำโพ– เด่นชัย ระยะทาง 281 กม. วงเงิน 7.7 หมื่นล้านบาท 2.ช่วงชุมทางถนนจิระ – อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงินประมาณ 4.29 หมื่นล้านบาท 3.ช่วงชุมพร – สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงินประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท 4.ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงินประมาณ 6.45 หมื่นล้านบาท 5.ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงินประมาณ 7.7 พันล้าน และ 6.ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงินประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท