เช็คไทม์ไลน์! ’รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้‘ เร่งเปิดประมูลจัดหา ติดตั้งงานระบบรถไฟฟ้าภายในปี 69 ปักหมุดเปิดให้บริการ ก.ย. 72

รฟม. เผยไทม์ไลน์เปิดให้บริการรถไฟฟ้า “สายสีม่วงใต้” เร่งเปิดประมูลหาเอกชน PPP ติดตั้งงานระบบรถไฟฟ้าภายใน ก.ย. 69 ใช้เวลาประมาณ 3 ปี คาดแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการในปี 72 

รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) หรือโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ว่า ปัจจุบัน รฟม. อยู่ระหว่างการปรับปรุงรายงานการศึกษาวิเคราะห์โครงการ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 (PPP) ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์กรณีอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายของรัฐบาล ก่อนเสนอหลักการของโครงการที่เป็นประโยชน์และอำนวยความสะดวกต่อประชาชนสูงสุด ให้คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. พิจารณาเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามขั้นตอนต่อไประหว่าง พ.ค. – ต.ค.  2568

ทั้งนี้ ตามแผนการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ รฟม. จะดำเนินการคัดเลือกเอกชนแล้วเสร็จ และเอกชนเริ่มดำเนินงานจัดหา ผลิต ติดตั้งงานระบบรถไฟฟ้า ได้ภายใน ก.ย. 2569 โดยเข้าพื้นที่ทำงานได้ในส่วนที่งานโยธาแล้วเสร็จ และใช้ระยะเวลาดำเนินงานประมาณ 3 ปี ซึ่ง รฟม. ได้กำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการเดินรถเป็นโครงข่ายเดียวกับรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) ได้ภายใน ก.ย. 2572

สำหรับ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ มีแนวเส้นทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ที่สถานีเตาปูน และไปสิ้นสุดที่สถานีครุใน มีระยะทางรวมประมาณ 23.63 กิโลเมตร (กม.) มีสถานี 17 สถานี แบ่งเป็น สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี โดย รฟม. ได้เริ่มการก่อสร้างงานโยธาเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2565 โดยใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างรวม 2,005 วัน หรือจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนต.ค. 2570

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2563 – 2565 รฟม. จึงได้ปรับปรุงแผนการดำเนินงานโครงการในปี 2566 เพื่อให้สอดคล้องกับสัญญางานโยธา โดยมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2571 ทั้งนี้ต่อมาในปี 2567 รฟม. มีความจำเป็นต้องปรับปรุงรายงาน PPP ก่อนเสนอตามขั้นตอนต่อไป จึงได้มีการปรับปรุงแผนการดำเนินงาน โดยมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2572 ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะช่วยรองรับการเดินทาง ของประชาชนจากกรุงเทพมหานครฝั่งเหนือไปยังกรุงเทพมหานครฝั่งใต้ และทำให้เดินทางเข้าสู่จังหวัดสมุทรปราการได้โดยสะดวก