‘ไทย สมายล์ บัส’ ตั้งเป้าปี 68 ผู้โดยสารใช้บริการวันละ 4.5-4.8 แสนคน จ่อเปิดจ่ายค่ารถเมล์ด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วง Q1 ปีหน้า

“​ไทย สมายล์ บัส” เผยปี 67 มีผู้โดยสารกว่า 4 แสนคน ตั้งเป้าปี 68 แตะ 4.5-4.8 แสนคน พร้อมเตรียมเปิดจ่ายค่ารถเมล์ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-บัตรเครดิต-วีซ่า-มาสเตอร์การ์ด Q1/68 ลุยวางระบบมอนิเตอร์ติดตามระยะห่างรถแบบเรียลไทม์ มั่นใจยกระดับธุรกิจรถเมล์ได้อย่างยั่งยืน

นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) เปิดเผยว่า ตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา ภาพรวมของการดำเนินธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งการให้บริการเดินรถของ ไทย สมายล์บัส เอง ที่มียอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการที่ผู้ประกอบการเดินรถในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ได้มีการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เส้นทางปฎิรูป 100% ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายเข้ามาอยู่ในกฎกติกาเดียวกัน รวมถึงการถอดถอนของกลุ่มผู้ให้บริการรถร่วม

ขณะเดียวกัน TSB มีการปรับปรุงระบบปฎิบัติการภายใน ทั้งการควบคุมคุณภาพการเดินรถ พัฒนาบุคลากร จัดทำให้การเดินรถมีมาตรฐาน มีความแน่นอนมากขึ้นในหลายเส้นทาง สะท้อนได้จากข้อร้องเรียนพฤติกรรมการขับขี่ของกัปตันเมล์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ยังมีบางกลุ่มเส้นทางที่ผู้โดยสารไม่ตอบสนอง ทำให้รายได้ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ได้จัดทำแผนพัฒนาให้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ยอดผู้โดยสารในปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาเฉลี่ยวันละ 3.8 แสนคน จากช่วงต้นปีอยู่ที่ 2.5 แสนคนต่อวันเท่านั้น ส่วนในปี 2568 คาดการณ์ว่า จะมีผู้โดยสารเฉลี่ย 4.5-4.8 แสนคนต่อวัน จากปัจจัยการเตรียมขยายการเปิดรับชำระค่าโดยสาร ด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมทั้งการขยายกลุ่มลูกค้าไปยังนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ ชาวจีนด้วย

นางสาวกุลพรภัสร์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน TSB ได้เติมรถเข้าระบบเพิ่มขึ้นกว่า 32% มีจำนวนรถที่ให้บริการเฉลี่ยวันละ 1,650 คัน (ไม่รวมรถหมุนเวียน) จากเดิมที่มีรถให้บริการในช่วงต้นปีอยู่ที่ 1,251 คันและในปีหน้ายังคงมีแผนเพิ่มรถให้บริการไปอยู่ในระดับ 2,000 คันต่อวัน ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทปัจจุบัน สามารถกลับมาเป็นบวกได้แล้ว ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 ดังนั้นในปีหน้า บริษัทจะยังยึดแนวทาง 4 ข้อ ได้แก่ 1.การพัฒนาคุณภาพการให้บริการ 2.พัฒนาบุคลากร 3.พัฒนาเป็นระบบเดินรถ และ 4.ใช้เทคโนโลยีเข้ามาส่งเสริมการทำงาน เชื่อว่าจะช่วยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนแน่นอน

ในปีหน้าเรากำลังติดตั้งระบบการติดตามการปล่อยรถ ยกระดับให้เหมือนหอบังคับการบิน คือรถทุกคันของ TSB จะสามารถมอนิเตอร์รถได้อย่างเรียลไทม์ ห่างกันกี่นาที เข้าป้ายกี่โมง สภาพการจราจร ไปจนถึงการแจ้งไปยังรถที่อยู่บนถนนให้สามารถรู้ระยะห่างของแต่ละคันได้ พร้อมพัฒนาบุคลากรในส่วนควบคุมควบคู่กันไปด้วย ดังนั้น TSB จะเป็นเจ้าแรกที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาจับ ไปจนถึงฝึกสอนบุคลากรทั้งระบบควบคุมคุณภาพด้วยระบบเทคโนโลยี สร้างการเติบโตให้อุตสาหกรรมรถเมล์ของไทยอย่างยั่งยืน“ นางสาวกุลพรภัสร์ กล่าว

ด้านนายวรวิทย์ ชาญชญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการและกลยุทธ์ บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด กล่าวว่า การให้บริการของบริษัทที่ปัจจุบันได้รับใบอนุญาตอยู่ 124เส้นทาง พร้อมกับได้ให้บริการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เป็นการชั่วคราว (ใบอนุญาต ม.41) จำนวน 8 เส้นทาง โดย TSB พร้อมขยายช่วงจากเส้นทางใกล้เคียงเดิม ให้พี่น้องประชาชนได้รับความสะดวกมากที่สุด หรือหาก กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม มีการเปิดเส้นทางเพิ่มเติมบริษัทก็พร้อมพิจารณาเข้าร่วมต่อไปเพื่อสร้างโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ TSB มี 5 เส้นทางที่มีจำนวนผู้โดยสารและรายได้สูงสุดต่อวัน ได้แก่ 1. สาย 2-38 (สาย 8 เดิม) ผู้โดยสาร 20,500 คน รายได้ 358,328 บาท 2. สาย 4-25 (สาย147L เดิม) ผู้โดยสาร 14,000 คน รายได้ 250,421 บาท 3. สาย 4-46 (สาย 84 เดิม) ผู้โดยสาร 13,000 คน รายได้ 240,000 บาท 4. สาย 4-23 (สาย 140 เดิม) ผู้โดยสาร 12,000 คน รายได้ 177,159 บาท

ขณะเดียวกันเครือ ไทย สมายล์ บัส เตรียมเดินหน้าขยายการเปิดรับชำระค่าโดยสาร ด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือกับ กรมการขนส่งทางบก และธนาคารกรุงไทย เบื้องต้นจะมีการใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” เป็นตัวรับเงินก่อน คาดได้ใช้จริงในช่วงไตรมาส 1 ปี นอกจากนี้ TSB ได้วางแผนขยายระบบชำระเงิน (Payment) ด้วยการเปิดรับบัตรเดบิต เครดิต จากสองค่ายใหญ่อย่าง Visa กับ Master Card ให้ผู้ใช้บริการมีทางเลือกมากขึ้น รวมถึงการเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มเติมผ่านระบบ China T-Union รองรับบริการแก่นักท่องเที่ยวจีน ชำระค่าโดยสารอัตรา (Flat Rate) เพียง 25 บาทต่อเที่ยว รวมค่าทางด่วน ค่าจอดรับ-ส่งสนามบิน