‘สุริยะ’ คาดโทษเหตุคานสะพานก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ทรุดตัว สั่งเยียวยา-ตั้งคณะ กก. สอบข้อเท็จจริง-หยุดงานสร้าง 14 วัน

“สุริยะ” สั่งเยียวยาผู้เสียชีวิตรายละ 1 ล้านบาท หยุดงานก่อสร้าง 14 วัน เหตุคานสะพานก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ทรุดตัว เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 คน – เสียชีวิต 6 ราย พร้อมลุยตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ลั่น! ห้ามเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก คำนึงความปลอดภัยในระดับสูงสุด ด้าน “รองโฆษกคมนาคม” แนะประชาชนใช้เส้นทางเลี่ยงจุดเกิดเหตุฯ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากเหตุคานสะพานก่อสร้างทรุดตัว บนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ช่องทางหลัก กม. ที่ 21+100 ตำบลนาดี อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 04.00 น. ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 6 ราย บาดเจ็บ 9 คน นั้น ตนขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บได้หายเจ็บป่วยโดยเร็ว พร้อมทั้งได้สั่งการไปยังนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เยียวยาต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ให้ ทล. แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสาเหตุข้อเท็จจริง และประเมินความปลอดภัยของโครงสร้าง ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมกรมทางหลวง สภาวิศวกร และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ดำเนินการและสรุปรายงานผลต่อกระทรวงคมนาคมภายใน 15 วัน พร้อมทั้งดำเนินมาตรการตามมิติขณะเผชิญเหตุ โดยให้ตรวจสอบช่วยเหลือคนงานผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุอย่างเต็มที่ อีกทั้งกำกับการควบคุมการรื้อย้ายโครงสร้างและเครื่องจักรที่เสียหายโดยวุฒิวิศวกรเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำขึ้นอีก รวมถึงตรวจสอบความปลอดภัยให้มั่นใจก่อนเปิดการจราจรด้วย

นอกจากนี้ ได้กำชับให้เพิ่มมาตรการการตรวจสอบการทำงานของผู้รับจ้างที่ต้องมีผู้จัดการด้านความปลอดภัย (Safety Manager) ของทั้งผู้รับจ้างและหน่วยงานรัฐ อาทิ ทล. ทำการตรวจสอบร่วมกันก่อนที่จะอนุญาตให้ยกหรือถอดโครงสร้างชั่วคราวที่รับน้ำหนัก รวมทั้งเร่งรัดกรมบัญชีกลางให้นำมาตรการสมุดพกผู้รับเหมามาใช้ตรวจสอบผู้รับเหมา และจะพิจารณานำระบบมาตรฐานสากล เช่น ISO ด้านความปลอดภัยมาใช้ควบคุม อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นอาจต้องยกระดับชั้นผู้รับเหมาชั้นที่เหนือชั้นพิเศษมาใช้ เพื่อทำงานยากและมีการทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อสาธารณชน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในระดับสูงสุด

*** สั่งเยียวยาผู้เสียชีวิตรายละ 1 ล้านบาท
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบถึงความรู้สึกและความมั่นใจของประชานเป็นอย่างมาก ตนในนามกระทรวงคมนาคมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ สำหรับการเยียวยาครอบครัวผู้เสียขีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น ทางกระทรวงสั่งการให้ดูแลเยียวยาอย่างเต็มที่ โดยสั่งการให้ผู้รับจ้างเยียวยารายละ 1 ล้านบาท พร้อมทั้งสั่งการให้บริษัทผู้รับผิดชอบโครงการหยุดงานก่อสร้างทันที 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน

สำหรับมาตรการลงโทษผู้ประกอบการที่ปฏิบัติงานก่อสร้างไม่เป็นไปตามมาตรฐานของหลักวิชาช่าง หรือประมาทเลินเล่อร้ายแรง ปัจจุบัน กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง ได้จัดทำร่างระเบียบฯ เพื่อเป็นหลักเกณฑ์ใช้ประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้รับเหมา รวมถึงมาตรการลงโทษ โดยหากเกิดเหตุที่มีบุคคลถึงแก่ความตาย จะถูกตัดสิทธิ์ในการประมูลงาน 1 ปี และหากเข้าเกณฑ์ถูกตัดสิทธิ์จำนวน 3 สัญญาขึ้นไป จะถูกตัดสิทธิ์ในการประมูลงานโครงการถัดไปของหน่วยงานรัฐทั่วประเทศ รวมถึงจะมีมาตรการในการลดชั้นและถอดจากทะเบียนรายชื่อผู้รับเหมาที่มีสิทธิ์ประมูลงานของภาครัฐด้วย โดยกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้กรมทางหลวงเป็นหลักในการพิจารณาร่างหลักเกณฑ์ดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานอื่นในสังกัดของกระทรวงคมนาคมที่มีงานก่อสร้าง เพื่อเร่งหารือกับกรมบัญชีกลางในการพิจารณานำหลักเกณฑ์ดังกล่าวมาบังคับใชัอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

“ผมขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนในทุกมิติทั้งนี้ ขณะนี้กรมทางหลวงและผู้รับจ้างได้เตรียมความพร้อม ทั้งวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เครื่องจักร และเจ้าหน้าที่ ร่วมกันวางแผนการเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนโครงสร้างเหล็กและคอนกรีตออกจากพื้นที่ และเน้นย้ำการประเมินความปลอดภัย ป้องกันเกิดเหตุซ้อน พร้อมทั้งประเมินความแข็งแรงของโครงสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐานด้านวิศวกรรม ก่อนคืนพื้นที่ผิวจราจร เพื่อสร้างความรู้สึกและความมั่นใจในการเดินทางให้แก่ประชาชน” นายสุริยะ กล่าว

*** แนะนำประชาชนใช้เส้นทางเลี่ยงจุดเกิดเหตุฯ ***

ด้านนายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรองโฆษกกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ต้องปิดการจราจรในช่องทางหลักขาเข้า – ขาออกในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และช่วยแบ่งเบาปริมาณการจราจรบนถนนพระราม 2 กระทรวงคมนาคม จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนใช้เส้นทางเลี่ยง ดังนี้

ขาเข้ากรุงเทพฯ
– รถจากภาคใต้ ให้ใช้ถนนเพชรเกษม เข้ากรุงเทพฯ
– รถจากจังหวัดสมุทรสงคราม/บางโทรัด ให้ใช้ ทล.375 มุ่งหน้าเข้าอำเภอบ้านแพ้ว ไปออก จังหวัดนครปฐม ขึ้นถนนเพชรเกษม เข้าถนนบรมราชชนนี เข้ากรุงเทพฯ
– รถจากมหาชัย – สมุทรสาคร ใช้ถนนเศรษฐกิจ – ถนนพุทธสาคร – ถนนพุทธมณฑลสาย 4 – ถนนบรมราชชนนี เข้ากรุงเทพฯ

ขาออกกรุงเทพฯ
– รถจากกรุงเทพฯ ใช้ถนนบรมราชชนนี เข้าถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าลงภาคใต้
– รถจากต่างระดับบางขุนเทียน ใช้ถนนเลียบชายทะเลบางขุนเทียน เข้าตัวเมืองมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร เข้าถนนพระราม 2 มุ่งหน้าลงภาคใต้

อย่างไรก็ตาม ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเผื่อเวลาในการเดินทาง และหากสามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางได้ขอแนะนำให้ใช้เส้นทางอื่นแทน เพื่อความสะดวกในการเดินทางของท่าน ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ใช้ทางขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง โทร. 1586