‘บิ๊กตู่’ ย้ำสร้างรถไฟฟ้าต้องปลอดภัย รฟม.เดินเครื่องสายสีส้ม 1.4 แสนล้าน

“อาคม” ย้ำเวนคืนที่ดินสร้างรถไฟฟ้าเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ด้านนายกฯ สั่งสร้างรถไฟฟ้าต้องปลอดภัย หลังเกิดอุบัติเหตุหลายเส้นทาง ฟาก รฟม. ลุยเสนอบอร์ดพิจารณารถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก 1.4 แสนล้าน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังพิธีเริ่มการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรล 2 สายแรกของประเทศไทย คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรงว่า สำหรับค่าเวนคืนที่ดินที่จะก่อสร้างโครงการนั้น ทั้งส่วนของภาคเอกชนและภาคราชการอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยส่วนของราชการดำเนินการได้เสร็จสิ้นแล้ว ทั้งกรมทางหลวงและกรุงเทพมหานครได้ส่งมอบพื้นที่เกือบ 100% เป็นไปตามกฎหมายกรอบงบประมาณส่วนเอกชนก็ดำเนินการตามขั้นตอนของข้อกฎหมาย

ทั้งนี้ ในส่วนของกรณีข้อเรียกร้องการเวนคืนที่ดินของประชาชนที่ต้องการเพิ่มค่าเวนคืนนั้น มีขั้นตอนทางกฎหมายรองรับ ขณะเดียวกันราคาการเวนคืนที่ดินจะต้องเป็นไปตามราคาประเมินและมีหลักฐานการซื้อ-ขายที่มาจากกรมที่ดิน ไม่ใช่การเรียกร้องราคาที่สูงขึ้นจากการเปลี่ยนเจ้าของ
“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในส่วนการก่อสร้างโครงการให้เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายสายได้เกิดอุบัติเหตุ รวมถึงให้เร่งคืนพื้นที่ผิวจราจรให้เร็วที่สุดหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ รวมถึงการเชื่อมต่อการเดินทาง โดยกระทรวงคมนาคมจะใช้ระบบตั๋วร่วมเข้ามาดำเนินการเชื่อมต่อ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และจะจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพียงครั้งเดียวต่อไปคิดระยะทางทางตามสถานี” นายอาคม กล่าว

ด้านนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. กล่าวว่า รฟม.ได้เสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการร่วมทุน PPP Net Cost เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร หรือ บอร์ด เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา หากได้รับอนุมัติจะเปิดประมูลเป็นสัญญาเดียวประกอบด้วยงานก่อสร้างโยธาวงเงิน 1.2 แสนล้านบาทและงานวางระบบรวมถึงบริหารจัดเก็บรายได้ วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท รวมสงเงิน 1.4 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ ได้เสนอโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี จากสถานีศรีรัชเข้าเมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กม. เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมาเช่นกัน หลังจากที่โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ต่อขยายเส้นทางไปตามถนนรัชดาภิเษกสิ้นสุดบริเวณแยกรัชโยธิน ระยะทาง 2.6 กม.ได้รับอนุมัติไปครั้งที่แล้ว ทั้งหมดโดยจะต้องนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก หรือ คจร. เพื่อบรรจุในแผนแม่บทการจราจร หลังจากนำเสนอเข้ากระทรวงคมนาคมเพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. เพราะจะมีการเวนคืนที่ดิน ซึ่งภาครัฐจะเป็นผู้ดำเนินการ และเอกชนจะจ่ายชดเชยภายหลัง

รายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กดปุ่มทำสัญลักษณ์เทคอนกรีต เพื่อเป็นการเริ่มต้นโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่มีกลุ่ม BSR ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ (BTS), บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ว แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) และบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) เป็นผู้ที่ได้รับสัมปทานมีระยะเวลาการลงทุนรวม 33 ปี 3 เดือนแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1งานออกแบบและก่อสร้างงานโยธาพร้อมติดตั้งระบบและขบวนรถไฟฟ้า ระยะเวลา 3 ปี 3 เดือน และระยะที่ 2 งานให้บริการและบำรุงรักษาระยะเวลา 30 ปีโดยให้เอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสารและรับความเสี่ยงด้านจำนวนผู้โดยสาร

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการดำเนินงานระยะที่ 1 ของรถไฟฟ้าสายสีชมพู มีความก้าวหน้าการก่อสร้างงานโยธา 3.10% (สิ้น ก.ค.61) ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมีความก้าวหน้าการก่อสร้างงานโยธา 5.07% (สิ้น ก.ค.61) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มั่นใจว่าสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จและทดลองระบบพร้อมเปิดให้บริการได้ช่วงปลายปี 64 ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าแบบ Heavy Rail หรือระบบขนส่งมวลชนหลัก ที่ต้องใช้ระยะเวลาก่อสร้างไม่น้อยกว่า 6 ปี โดยการเดินรถไม่ว่าจะเป็นบริษัทใดก็จะมีกรอบราคาค่าโดยสาร 14-42 บาท โดยจะมีค่าแรกเข้า 14 บาท แม้จะมีระยะทางเพิ่มขึ้นแต่จะไม่เพิ่มค่าโดยสาร