‘นายกฯ’ สั่งเร่งสร้าง ‘ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน’ ให้เสร็จภายในปี 72 สอดรับเชื่อมเมืองการบิน @อู่ตะเภา หนุนอีเวนต์-ดึงนักท่องเที่ยว
“นายกฯ” สั่งเร่งเครื่องสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เดดไลน์ได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้ คาดเริ่มสร้างต้นปี 68 แล้วเสร็จ-เปิดให้บริการปี 72 พร้อมเชื่อมการเดินทางสู่ “เมืองการบิน” @อู่ตะเภา รับอีเวนต์ในอนาคต
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เพื่อเยี่ยมชม และร่วมหารือการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ รองรับการลงทุนในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และติดตามการก่อสร้างโครงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก วันนี้ (23 มิ.ย. 2567) ว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ที่มีความสำคัญกับประเทศหลายโครงการ ทั้งการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา และพื้นที่ EEC รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
ทั้งนี้ บางโครงการอาจมีความล่าช้ากว่าแผนไปบ้าง จากปัญหาโควิด-19 และพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป จึงต้องเดินหน้าโครงการอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนในการเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่ควรจะได้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2564 แต่ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นตามที่กล่าวมา ทำให้ต้องทบทวนสมมุติฐานทางด้านการเงิน และเงื่อนไขผลตอบแทนใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาล และผู้รับสัมปทานต้องหารือกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และไม่ให้ปัญหาลุกลาม จนกระทบไปยังโครงการต่าง ๆ และกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าประมาณสิ้นเดือน ก.ค. 2567 น่าจะได้ข้อสรุปในการแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกัน ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าทุกกระบวนการต้องแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2567 เริ่มก่อสร้างต้นปี 2568 และแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2572 เพราะหากสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินยังไม่เสร็จ จะเกิดปัญหาตามมาได้ โดยเฉพาะกับโครงการก่อสร้างสนามแข่งรถฟอร์มูล่าวัน (F1) ที่ตนได้ลงไปสำรวจพื้นที่ก่อสร้างเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา
ด้านนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า ความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ที่ร่วมทุนกับภาคเอกชน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2567 ทั้งในส่วนของอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 และเมืองการบิน ซึ่งคาดว่าโครงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาฯ จะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2572 และยืนยันว่าโครงการนี้มีความสำคัญอย่างมาก กับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย
“เมื่อวานนี้ได้ลงพื้นที่พัทยา เพื่อติดตามการจัดมหกรรมคอนเสิร์ต และงานเฟสติวัลต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก หากไม่มีสนามบิน ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง จะทำให้โครงการเหล่านี้ลำบากมากยิ่งขึ้นที่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งรวมถึงโครงการสนามแข่งรถฟอร์มูล่าวัน ที่เป็นเมกะโปรเจกต์ระดับโลกของรัฐบาล ที่จะดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาชมการแข่งขันแต่ละครั้งมากกว่า 100,000 คน” นายจุฬา กล่าว