‘บางกอกแอร์เวย์ส’ จับมือ OR นำร่องใช้น้ำมันทำอาหารที่ใช้แล้ว ‘SAF’ ประเดิมวันนี้ใช้เติมเครื่องบินเส้นทาง ’สมุย-กรุงเทพ‘ หวังลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ

“บางกอกแอร์เวย์ส” จับมือ OR ยกระดับภาคการบิน สู่เป้าหมาย NET ZERO ในปี 2593 ประเดิมใช้เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน “SAF” นำร่องเส้นทาง “สมุย-กรุงเทพ” ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 1,346 กิโลกรัม เล็งใช้ 1% จาก JET A-1 ในปี 68 เผยภาพรวมช่วยลดปล่อยก๊าซ 80% ยืนยันปลอดภัย-ไม่กระทบค่าโดยสาร

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เดินหน้าโครงการ “Low Carbon Skies by Bangkok Airways” ผลักดันสายการบินสู่ความยั่งยืน พร้อมลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากส่วนปฏิบัติการด้านการบิน โดยวันนี้ (12 มิ.ย. 2567) ได้จับมือกับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR นำร่องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ในเที่ยวบินของบางกอกแอร์เวย์ส เส้นทางสมุย-กรุงเทพ

สำหรับการดำเนินดังกล่าว เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการสนับสนุนให้มีการใช้เชื้อเพลิงพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซ CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ รวมทั้งสอดรับกับทุกภาคส่วนทั่วโลกที่ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเป็นศูนย์ในปี 2593 (Net Zero Carbon Emission 2050) และตามมาตรการขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) รวมถึงสมาคมการบินระหว่างประเทศ (IATA)

นายพุฒิพงศ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของแผนการใช้น้ำมัน SAF นั้น คาดว่า จะเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการในปี 2568 ตามที่ OR มีแผนจะผลิตโดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ก่อนจำหน่ายให้กับสายการบิน ซึ่งในเบื้องต้นสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จะเริ่มใช้น้ำมัน SAF 1% จากที่ในปัจจุบันใช้น้ำมันเชื้อเพลิง JET A-1 ประมาณ 10 ล้านลิตรต่อเดือน โดยล่าสุดในภูมิภาคอาเซียน สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว เช่นเดียวกับสายการบินของยุโรป

ทั้งนี้ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ประเมินว่า การใช้น้ำมัน SAF นั้น จะให้ทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงของสายการบินฯ เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากในตอนนี้ แต่จะช่วนลดการปล่อย CO2 ได้ 80% เมื่อเทียบกับ JET A-1 โดยกสรเติมน้ำมัน SAF ในวันนี้ สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2 โดยประมาณ 1,346 กิโลกรัมต่อเที่ยวบิน ขณะเดียวกัน ในปี 2566 ที่ผ่านมา สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2 สู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับ 11,321 ตัน หรือมากกว่า 200 กิโลกรัม/เที่ยวบิน หรือเท่ากับการปลูกต้นมะพร้าว จำนวน 275,591 ต้น

อย่างไรก็ตาม จากการหารือร่วมกับแอร์บัส ยืนยันว่า เครื่องบินจะมีความปลอดภัย และไม่ส่งผลต่อเครื่องยนต์ รวมถึงยังไม่กระทบต่ออัตราค่าโดยสารด้วย ส่วนสาเหตุที่เลือกนำร่องใช้น้ำมัน SAF ในเส้นทางสมุย-กรุงเทพนั้น เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และเป็นเส้นทางที่ใช้ปริมาณน้ำมันเยอะที่สุด ขณะเดียวกัน เนื่องจากผู้โดยสารส่วนใหญ่ของสายการบินฯ ในเส้นทางนี้ จะเป็น

การดำเนินการดังกล่าว เพื่อตอกย้ำถึงบทบาทการเป็นสายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในโลก และสายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในเอเชีย การันตีด้วยรางวัลเกียรติยศจากสกายแทร็กซ์ 7 ปีซ้อน สายการบินฯ จึงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์เดินทางที่น่าประทับใจให้กับผู้โดยสาร นอกจากนี้ บางกอกแอร์เวย์สยังมุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินสีเขียวให้เป็นที่แพร่หลายทั้งในประเทศไทยและภูมิภาค จึงได้พัฒนากระบวนการดำเนินงานด้านการปฏิบัติการบิน“ นายพุฒิพงศ์ กล่าว

ด้านนายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า ความร่วมมือของ OR และบางกอกแอร์เวย์สในโครงการ Low Carbon Skies by Bangkok Airways โดยการเติมน้ำมัน SAF ครั้งนี้ มุ่งสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่โลกที่สะอาดและยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมการบิน โดยน้ำมัน SAF เป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติทางเคมีที่คล้ายคลึงกับน้ำมันเจ็ท ผลิตจากน้ำมันทำอาหารที่ใช้แล้ว หรือที่เรียกว่า UCO (Used Cooking Oil)

โดย SAF สามารถผสมเข้าไปกับน้ำมันเจ็ทเพื่อให้ใช้ในเครื่องบินได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือปรับปรุงเครื่องยนต์ ถือว่าเป็นพลังงานที่ลดการปลดปล่อย Carbon ซึ่งเชื้อเพลิง SAF สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์นี้ ได้รับความร่วมมือจาก บริษัท ปตท. ค้าสากล จำกัด (PTTT) บริษัทในกลุ่ม ปตท. เป็นผู้จัดหาและนำเข้า นอกจากนี้ ความร่วมมือครั้งนี้ ยังสอดคล้องกับเป้าหมาย OR SDG โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน “G” หรือ “GREEN” หรือการสร้างโอกาสเพื่อสังคมสะอาด ที่มุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ