เดินเครื่อง! พัฒนา ‘ท่าเรือครุยส์’ @เกาะสมุย จ่อชง ครม.ไฟเขียว ก.ค.-ก.ย.นี้ เปิดใช้ ธ.ค.75 กวาดรายได้ 30 ปี กว่า 8.5 พันล้าน

“มนพร” ร่วมคณะนายกฯ ล่องใต้ ลุยพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ @เกาะสมุย จ่อชง ครม.ไฟเขียว ก.ค.-ก.ย.นี้ คาดเริ่มสร้าง ม.ค.72 พร้อมเปิดให้บริการ ธ.ค.75 รับนักท่องเที่ยวปีละ 1.8 แสนคน กวาดรายได้ 30 ปี กว่า 8.5 พันล้าน เล็งขยายสนามบินสมุย หลังผู้โดยสารโตต่อเนื่อง พร้อมเร่งปรับปรุงถนน ทล.4169 วิ่งฉิวรอบเกาะสมุย คาดเสร็จ 100% ใน พ.ค. 67

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังร่วมคณะตรวจราชการของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ณ แหลมนิคม อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีว่า ตามนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของรัฐบาล กระทรวงคมนาคมโดยกรมเจ้าท่าได้วางแผนพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ครอบคลุมเส้นทางเดินเรือ ฝั่งอ่าวไทยรองรับการเดินเรือในเส้นทางจากท่าเรือต้นทางที่สิงคโปร์ และท่าเรือปลายทางที่ฮ่องกง โดยจอดที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี

ในส่วนของฝั่งอันดามันรองรับการเดินเรือในเส้นทางจากท่าเรือต้นทางที่สิงคโปร์ แวะเข้าจอดที่เกาะภูเก็ต และจังหวัดกระบี่ โครงการ Cruise Terminal ที่เกาะสมุย โดยกรมเจ้าท่า (จท.) ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นเกี่ยวกับการออกแบบและคัดเลือกพื้นที่เสร็จแล้ว โดยสามารถรองรับนักท่องเที่ยว 180,000 คนต่อปี รองรับเรือ Cruise 118 ลำต่อปี คาดการณ์รายได้ตลอดระยะเวลาโครงการ 30 ปี มีมูลค่า 8,500 ล้านบาท สัดส่วนของรายได้โครงการแบ่งเป็น รายได้จากท่าเทียบเรือ 91% และรายได้เชิงพาณิชย์ 9%

สำหรับความคืบหน้าในขณะนี้ อยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP) จากผลการศึกษาค่าใช้จ่ายของโครงการ 10,430.67 ล้านบาท ผลประโยชน์ของโครงการ ประกอบด้วย การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว การหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ ค่าตรวจคนเข้าเมือง/ค่าพิธีศุลกากร และมูลค่าซาก 46,417.23 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ (EIRR) 15.57% โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบโครงการได้ภายใน ก.ค.-ก.ย. 2567 หลังจากนั้นจะเป็นการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน การออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน เริ่มต้นการก่อสร้างประมาณ ม.ค. 2572 แล้วเสร็จ พ.ย. 2575 และเปิดให้บริการใน ธ.ค. 2575

นางมนพร กล่าวต่อว่า โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีพื้นที่รวมประมาณ 47 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่บนชายฝั่ง ได้แก่ อาคารบริการและที่จอดรถ และถนนสาธารณะ 15 ไร่ พื้นที่นอกชายฝั่ง ได้แก่ สะพานขึง อาคารผู้โดยสาร 3 ชั้น และท่าเทียบเรือเฟอรี่และเรือยอร์ช 32 ไร่ ขณะเดียวกัน ได้กำชับ จท. เร่งรัดการพัฒนาท่าเทียบเรือเกาะสมุยที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 เพื่อเพิ่มศักยภาพของท่าเรือสำหรับรองรับเรือขนส่งนักท่องเที่ยวจากเรือสำราญ (Landing Pier) และผู้โดยสารจากเรือสำราญ (Cruise) ซึ่งเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการจะสามารถรองรับเรือ Tender พร้อมกันได้ครั้งละ 4 ลำ มีอาคารพักคอยรองรับผู้โดยสาร (Terminal) พื้นที่ 1,800 ตารางเมตร รองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้ถึง 1,300 คน/วัน

นอกจากนี้ สำหรับความเป็นไปได้ในการขยายพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสมุยนั้น เนื่องจากมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้โดยสารตั้งแต่ ม.ค. 2566 – มี.ค. 2567 แบ่งออกเป็น ผู้โดยสารในประเทศ – ขาเข้า 1.4 ล้านคน ผู้โดยสารในประเทศ – ขาออก 1.45 ล้านคน ผู้โดยสารระหว่างประเทศ – ขาเข้า 1.04 แสนคน ผู้โดยสารระหว่างประเทศ – ขาออก 1.15 แสนคน โดยมีแผนการที่จะปรับปรุงระบบไฟ Approach หัวทางวิ่ง 17 ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาขอเช่าพื้นที่กับเทศบาลท้องถิ่น และจะขอขยายเที่ยวบินที่ให้บริการ จาก 50 เที่ยวบิน/วัน เป็น 70 เที่ยวบิน/วัน

ขณะที่การปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 4169 สายทางรอบเกาะสมุย ซึ่งก่อสร้างและใช้งานมาเป็นเวลานาน ผิวทางบางช่วงชำรุดเสียหายและมีปัญหาน้ำท่วมขังบ่อยครั้งนั้น กรมทางหลวง (ทล.) ได้วางแผนก่อสร้างบูรณะปรับปรุงสายทางรอบเกาะสมุย แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 4 ตอน ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 3 ตอน ดังนี้

ตอน 1 (บ้านหน้าทอน – บ้านหัวถนน) ระหว่าง กม.0+000.000 – กม.14+000.000 ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร (กม.)

ตอน 2 (บ้านใต้ – บ้านหน้าทอน) ระหว่าง กม.40+100.000 – กม.50+063.013 ระยะทาง 9.963 กม.

ตอนที่ 3 (บ้านเฉวง – บ้านใต้) ระหว่าง กม.29+531.000 – กม.40+100.000 ระยะทาง 10.569 กม.

ตอนที่ 4 (บ้านหัวถนน – บบ้านเฉวง) ระหว่าง กม.14+000.000 – กม.29+531.000 ระยะทาง 15.531 กม.

ขณะนี้ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มีผลงาน 91.288% ล่าช้ากว่าแผนงาน 8.712% คงเหลืองานปูผิวแอสฟัลต์คอนกรีต ประมาณ 400 เมตร พร้อมตีเส้นด้วยสีเทอร์โมพลาสติก งานไฟฟ้าแสงสว่างพร้อมหม้อแปลง งานติดตั้งป้ายจราจร และงานติดตั้งราวกันตก คาดว่าจะแล้วเสร็จใน พ.ค. 2567