“แรบบิท” กางกลยุทธ์ปี 67 รุกตลาด B2B เปิดตัวเซอร์วิสโซลูชันใหม่ “Rabbit Gateway” เดินหน้าขยายฐานลูกค้าภาคธุรกิจ ลุยให้บริการระบบรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร วางเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 30%
นายเคลวิน เหลียง กรรมการผู้จัดการบริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด (บีเอสเอส) หรือ “Rabbit” เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจปี 2567 ว่า บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้ให้บริการ การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร โดยมุ่งให้ผลิตภัณฑ์ และการบริการ สร้างความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จจากการเป็นผู้นำตลาดบัตรสมาร์ทการ์ดที่ใช้แทนเงินสด (บัตรแรบบิท)
ทั้งนี้ เพียงบัตรเดียวในประเทศไทยที่สามารถใช้จ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส รวมทั้งจ่ายค่าสินค้า/บริการ ตามร้านค้าชั้นนำต่าง ๆ และเซอร์วิสโซลูชันสำหรับลูกค้าภาคธุรกิจ อาทิ ระบบควบคุมการเข้า-ออกอาคาร (Access Control System), ระบบรับชำระเงินที่เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machines), ระบบรับชำระเงินที่ศูนย์อาหาร (Canteen & Food Court System), การให้บริการยืนยันตัวตน (KYC Service) ณ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สำหรับลูกค้าธนาคารพันธมิตร เป็นต้น
นายเคลวิน กล่าวต่อว่า การดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ วางแผนสร้างรายได้ให้เติบโตในกลุ่มธุรกิจ B2B ซึ่งมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการใหม่ ๆ ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ด้วยการเปิดบริการ “Rabbit Gateway” เซอร์วิสโซลูชันล่าสุด ตัวกลางในการจัดการด้านการรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความสะดวก ปลอดภัย เป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เข้าถึงบริการชำระเงินของผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น
โดยไม่เพียงแต่ยกระดับประสบการณ์การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจร้านค้าในแง่ของการบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมช่วยลดภาระของการจัดทำรายงาน และการกระทบยอดชำระดุลของธุรกรรมแต่ละประเภทอีกด้วย ปัจจุบันมีคู่ค้าพันธมิตรอย่าง PromptPay และ WeChat Pay ที่สามารถใช้แอปพลิเคชัน ชำระค่าตั๋วโดยสารได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วโดยสารอัตโนมัติ ประเภทเดินทางเที่ยวเดียว บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว และสายสีทองทุกสถานี ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อ ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตเกิน 30% ในปี 2567
“นอกจากนี้ แรบบิทยังคงเดินหน้าสร้าง Ecosystem ทางธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตลอดจนขยายความร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ตอกย้ำจุดแข็งของโมเดลเซอร์วิสโซลูชัน ให้เราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทั้งกลุ่ม B2B และ B2C ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลประกอบการเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมทั้งก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านการให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ครอบคลุม และครบวงจร” นายเคลวิน กล่าว