กทท. MOU 3 เอกชน เปิด ‘ธุรกิจใหม่ท่าเรือกรุงเทพ’ ผุดพื้นที่เขตฟรีโซน 2.4 หมื่น ตร.ม. หนุนลดต้นทุนโลจิสติกส์

กทท. เปิด “ธุรกิจใหม่ท่าเรือกรุงเทพ : New Business Model of Bangkok Port” พร้อม MOU ร่วม 3 เอกชน ยกระดับการให้บริการสู่สากล ผุดเขตฟรีโซนท่าเรือกรุงเทพ พื้นที่ 2.4 หมื่น ตร.ม. หนุนลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีโลก  

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ธุรกิจใหม่ท่าเรือกรุงเทพ : New Business Model of Bangkok Port” วันนี้ (10 ม.ค. 2567) ว่า วันนี้ ได้มีพิธีเปิดงานฯ ณ อาคาร A1 เขตปลอดอากร ท่าเรือกรุงเทพ และมีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กับบริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อ “การส่งเสริมกิจกรรมการนำเข้าตู้สินค้าขาเข้าผ่าน เรือลำเลียงและกิจกรรมส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจ” และ บริษัท บ็อกซ์แมน จำกัด ผู้กระทำการแทนบริษัท Oknha Mong Port ราชอาณาจักรกัมพูชา ภายใต้ชื่อ “การส่งเสริมการนำเข้าและส่งออก และกิจกรรมการขนส่งตู้สินค้าถ่ายลำ (Transshipment) ผ่านท่าเรือกรุงเทพ”

ทั้งนี้ รัฐบาลและกระทรวงคมนาคม โดย กทท. มีนโยบายในการส่งเสริมการสร้างกิจกรรมใหม่ เพื่อยกระดับการให้บริการ เพื่อสนับสนุนการค้า การลงทุน อีกทั้งยังเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้นำเข้า-ส่งออก ให้เพิ่มขีดความสามารถ การแข่งขันในเวทีโลกได้มากขึ้น โดยได้เร่งให้ท่าเรือกรุงเทพได้มีโครงการต่างๆ ที่สามารถพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ เป็นศูนย์กลาง (Hub) ของประเทศได้อย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจกับภาคเอกชน ให้เป็นไปตามแนวทางที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายไว้ให้ กทท. เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ ในภูมิภาคนี้ให้ได้

ด้านนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า กทท. มีโครงการความร่วมมือของ 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการท่าเรือพันธมิตร (Chao Phraya Super Port Project) กับบริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการนำเข้าตู้สินค้าขาเข้า โดยเรือชายฝั่ง (Barge) เข้าเทียบท่าที่ท่า 20 G คาดว่าจะมีปริมาณตู้สินค้าเพิ่มขึ้น 10,000 TUE ต่อปี คิดเป็นจำนวนเงิน 35-40 ล้านบาท

2.โครงการส่งเสริมการนำเข้าและส่งออก และกิจกรรมการขนส่งตู้สินค้าถ่ายลำ (Transshipment) ผ่านท่าเรือกรุงเทพ ไปยังประเทศที่สามทั้งทางเรือและรถไฟ เป็นความร่วมมือระหว่าง กทท. และบริษัท บ็อกซ์แมน จำกัด ซึ่งเป็นผู้กระทำแทน บริษัท Oknha Mong Port ประเทศกัมพูชา โครงการฯ ดังกล่าว เป็นประโยชน์ในการส่งเสริมการพัฒนาการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (ทางน้ำและทางราง) รวมทั้งเป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้แก่องค์กรในระยะยาว และถือเป็นการสนับสนุนนโยบายโลจิสติกส์ของประเทศ (Shift mode)

3.โครงการเขตปลอดอากรท่าเรือกรุงเทพ Bangkok Port Free Zone เป็นการให้บริการใหม่ ของท่าเรือกรุงเทพ บนพื้นที่ดำเนินการ จำนวน 24,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน ในการนำเข้า-ส่งออก เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจ และดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าได้ อย่างสะดวก รวดเร็ว สามารถลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ได้อย่างเป็นรูปธรรม เป็นความร่วมมือระหว่าง กทท. กรมศุลกากร หน่วยงานเอกชน (บริษัท สปีดิชั่น ซิกม่า จำกัด) มีรูปแบบการดำเนินงาน คือ กทท. เป็นเจ้าพื้นที่

ทั้งนี้ เอกชนเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโครงการฯ โดยให้บริการ คลังสินค้า ลานกองเก็บตู้สินค้า สำนักงาน ให้เช่าห้องจัดแสดงสินค้า ห้องควบคุมอุณหภูมิห้องเก็บสินค้าที่มีมูลค่าสูง สำหรับกิจกรรมในเขตปลอดอากร ประกอบด้วย การยกเว้นอากรขาเข้า การซื้อขายแลกเปลี่ยน การคัดแยกประเภทสินค้า การบรรจุหีบห่อและการติดฉลากใหม่ การรวมสินค้า และสามารถจัดเก็บสินค้าได้นาน 2 ปี

นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า ท่าเรือกรุงเทพยังมีแผนงานที่สำคัญในอนาคตอันใกล้นี้เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางด้านโลจิสติกส์และการขนส่งระหว่างประเทศอีกหลายโครงการ เช่น โครงการพัฒนาท่าเรือฝั่งตะวันตก ทกท. เป็นท่าเรือกึ่งอัติโนมัติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการ ซึ่งได้มีการนำระบบ Semi Automation มาใช้ในการให้บริการขนถ่ายตู้สินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ โครงการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าอาคารสำนักงาน (Multimodal Transport & Distribution Center)

ขณะเดียวกัน พื้นที่สนับสนุนท่าเรือกรุงเทพ เพื่อใช้พื้นที่ของท่าเรือกรุงเทพให้เกิดประโยชน์สูงสุด และยังสามารถสร้างกิจกรรมใหม่ในอนาคตเพิ่มมากขึ้นได้ เป็นการยกระดับในการให้บริการ ตลอดจนมีโครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมต่อทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ เพื่ออำนวยความสะดวกทางด้านการจราจรของรถบรรทุกในการผ่านท่าเรือกรุงเทพ อีกทั้งยังเป็นการบรรเทาปัญหาการจราจรให้กับกรุงเทพมหานครในอนาคต

นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า ยังมีแผนงานด้านการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ ให้ทันสมัยยิ่งขึ้นอีกหลายระบบ โดยเฉพาะระบบหลักในการปฏิบัติงานและให้บริการ เช่น ระบบควบคุมการผ่านเข้า-ออก ประตูตรวจสอบอัตโนมัติ (e-Gate), ระบบ Port Community System, ระบบปฏิบัติการเรือและสินค้าเวอร์ชั่นใหม่และระบบสนับสนุนงานให้บริการอื่นๆ อีกหลายรายการ อาทิเช่น ระบบอีดีโอ ระบบช่วยค้นหาและแสดงผลตำแหน่งตู้สินค้าอัตโนมัติ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม กทท. เตรียมมุ่งไปสู่องค์กรที่มีสมรรถนะสูง ด้วยการบริหารจัดการท่าเรือให้มีประสิทธิภาพ ทันสมัย รวดเร็ว สามารถตอบสนองความต้องการผู้ลงทุนและผู้ประกอบการด้านการนำเข้า-ส่งออก เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการขนส่งและกระจายสินค้าของประเทศ รวมถึงการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ อันเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งสินค้าและระบบโลจิสติกส์ทั้งภายใน และในภูมิภาคเพื่อรองรับต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และความต้องการในอนาคต และองค์กรสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน