ทอท.วางเป้าปี 67 รับผู้โดยสาร 6 สนามบิน 150 ล้านคน มากกว่าช่วงก่อนโควิด-19 พร้อม 100% เปิด SAT-1 ดีเดย์ 28 ก.ย.นี้

ทอท. คาดปี 66 มีผู้โดยสาร 6 สนามบินรวม 100 ล้านคน วางเป้าปี 67 กว่า 150 ล้านคน มากกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ลุ้นเดือนหน้าผู้โดยสารจีนเข้าไทย 6.2 แสนคน อานิสงค์ “ฟรีวีซ่า” ลุยสแกนความพร้อม 100% เปิด “อาคาร SAT-1” 28 ก.ย.นี้ 2 แอร์ไลน์พร้อมให้บริการรวมวันละ 18 ไฟลท์ ประเดิม “เซี่ยงไฮ้-สุวรรณภูมิ” ขนผู้โดยสาร 341 คน แลนดิ้งถึงไทย 10.15 น. เล็งประเมิน 1 เดือน ก่อนพิจารณากลาง พ.ย.นี้ ประเมินผลเปิดเต็มรูปแบบภายในปีนี้ ด้าน “การบินไทย” เร่งพิจารณาต้นทุน ก่อนเข้าให้บริการ SAT-1 คาดได้ข้อสรุปปีนี้

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยภายหลังพาคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมเส้นทางผู้โดยสารทั้งขาออกและขาเข้าระหว่างประเทศ โดยเดินทางระหว่างอาคารผู้โดยสารหลักและอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (อาคาร SAT-1) ด้วยบริการระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover: APM) วันนี้ (25 ก.ย. 2566) ก่อนจะเปิดให้บริการแบบไม่เป็นทางการ (Soft Opening) ในวันที่ 28 ก.ย. 2566 เป็นต้นไปว่า ภายหลังที่ ทอท.ได้ทดลองปฏิบัติการเต็มรูปแบบอาคาร SAT-1 รวม 3 ครั้ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มั่นใจว่า มีความพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการในวันที่ 28 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 17 ปีของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี  เป็น 60 ล้านคนต่อปีต่อไป

ทั้งนี้ สายการบินที่จะเข้าทำการบินที่อาคาร SAT – 1 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 2566 เป็นต้นไปนั้น โดยในระยะแรก จะมีจำนวน 2 สายการบิน รวมประมาณ 18 เที่ยวบินต่อวัน ได้แก่ 1.สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ซึ่งจะมีเที่ยวบินแรกที่ทำการบินเข้ามาที่อาคาร SAT-1 คือ เที่ยวบินที่ XJ 0761 เดินทางจากเซี่ยงไฮ้ ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 10.15 น. โดยมีผู้โดยสารจำนวน 341 คน ประกอบด้วย นักท่องเที่ยวสัญชาติจีน 306 คน และสัญชาติอื่นๆ 35 คน ณ บริเวณทางออกจากเครื่องบิน Gate D4 ชั้น 2 อาคารเทียบเครื่องบิน D อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นายกีรติ กล่าวต่อว่า ในสัปดาห์แรกที่เปิดให้บริการ สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ จะให้บริการวันละประมาณ 14 เที่ยวบิน และ 2.สายการบินไทยเวียตเจ็ท จะให้บริการวันละประมาณ 4 เที่ยวบิน โดยภายหลังเปิดให้บริการอาคาร SAT-1 อย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 28 ก.ย.นี้นั้น ทอท.จะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน เพื่อพิจารณาถึงผลการดำเนินงาน โดยเฉพาะปัญหา อุปสรรคว่า ติดขัดในส่วนไหนหรืออย่างไรบ้าง ก่อนที่ในช่วงกลาง พ.ย. 2566 จะพิจารณาเตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Opening) ต่อไป คาดว่า จะสามารถเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ภายในปี 2566 นี้ อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า การเปิดให้บริการอาคาร SAT-1 จะเทียบเท่ากับอาคารผู้โดยสารหลัก (Main Terminal) อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นมีสายการบินกว่า 10 สายการบิน ที่มีความสนใจจะมาให้บริการที่อาคาร SAT-1 เช่น สายการบินเอมิเรตส์ สายการบินเอทิฮัด สายการบินมาฮานแอร์ สายการบินออลนิปปอน สายการบินสแกนดิเนเวียน สายการบินการ์ตาร์ สายการบินไทย เป็นต้น ขณะเดียวกัน ทอท.จะมีมาตรการดึงดูดให้สายการบินมาใช้บริการที่อาคาร SAT-1 เช่น ค่าจอดเทียบประชิดอาคาร ลดค่าใช้จ่ายค่าเช่าออฟฟิศ ค่าย้ายห้องรับรองพิเศษ (เลาจน์) เป็นต้น โดยมาตรการดังกล่าว จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาอีกครั้งต่อไป สำหรับในช่วง Soft Opening นั้น จะมีการให้บริการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร ร้านค้า Duty free ร้านอาหาร และห้องรับรองพิเศษผู้โดยสาร พร้อมเปิดให้บริการแล้วบางส่วนด้วย

นายกีรติ กล่าวอีกว่า จากมาตรการ VISA Free ของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566-29 ก.พ. 2567 รวมระยะเวลา 5 เดือนนั้น ทอท.คาดการณ์ว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว จะมีผู้โดยสารจีนรวม 5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิม 2.4 ล้านคน ส่วนใน ต.ค. 2566 คาดว่า จะมีผู้โดยสารจีน ประมาณ 6.2 แสนคนต่อเดือน เมื่อเทียบกับช่วง ส.ค.-ก.ย. 2566 มีจำนวน 3.5 แสนคนต่อเดือน ขณะที่ เที่ยวบินจากจีน ต.ค. 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 300 กว่าเที่ยวบินต่อเดือน จากช่วง ส.ค.-ก.ย. 2566 มีเที่ยวบินเฉลี่ย 100-200 เที่ยวบินต่อเดือน

ขณะที่ ในปัจจุบันภาพรวมจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศกลับมาแล้วกว่า 70% เมื่อเทียบกับก่อนเกิดโควิด-19 โดยผู้โดยสารจีน ยังเดินทางน้อย ด้านผู้โดยสารยุโรป สหรัฐอเมริกา และตะวันออกกลางกลับมาแล้ว 80% ขึ้นไป ส่วนผู้โดยสารภายในประเทศ กลับมาแล้ว 100% อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า ปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 2565-ก.ย. 2566) จะมีผู้โดยสาร จำนวน 6 ท่าอากาศยานของ ทอท. รวม 100 ล้านคน และตั้งเป้าปี 2567 จะอยู่ที่ 150 ล้านคน มากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ที่กว่า 142 ล้านคน สวนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สิ้นปีงบประมาณ 2566 จะมีผู้โดยสารอยู่ที่ 40 ล้านคน และคาดว่า ปี 2567 จะมีผู้โดยสาร 60 ล้านคน

ด้านนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่จะมาให้บริการภายในอาคาร SAT-1 นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างทยอยเข้าพื้นที่จัดร้านค้า โดยในวันที่ 28 ก.ย. นี้ ร้านแมคโดนัลด์ จะเป็นร้านแรกที่เปิดให้บริการผู้โดยสาร ในส่วนของ King Power นั้น จะเปิดให้บริการประมาณ 70% และจะทยอยเปิดให้ครบ 100% ต่อไป เช่นเดียวกับห้องรับรองผู้โดยสารของมิราเคิล เลาจน์ ที่จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง (ชม.) โดยในช่วงเปิด Soft Opening ทั้งสายการบินสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ และสายการบินไทยเวียตเจ็ท ได้ติดต่อเพื่อจัดทำราคาพิเศษแล้ว อย่างไรก็ตาม นับจาก 5 เดือนหลังจากนี้ จะมีการเปิดเลาจน์เพิ่มของสายการบินอื่นๆ อีก เช่น สายการบินเอมิเรตส์ สายการบินเอทิฮัด เป็นต้น

สำหรับพื้นที่ลานจอดอากาศยานของอาคาร SAT-1 นั้น ในวันที่ 28 ก.ย. 2566 เป็นต้นไป จะเปิดให้บริการหลุมจอดประชิดอาคาร 100% หรือทั้งหมด 28 หลุมจอด สามารถจอดอากาศยานขนาด Code F (เช่น A380 และ B747-8 เป็นต้น) ได้ 8 หลุมจอด และอากาศยานขนาด Code E (เช่น B747 และ A340 เป็นต้น) ได้ 20 หลุมจอด รวมถึงมีสะพานเทียบอากาศยาน 64 สะพาน ประกอบด้วย สะพานเทียบอากาศยาน Code F 24 สะพาน และ Code E 40 สะพาน

ขณะที่นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ การบินไทยอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับ ทอท. ในรายละเอียดรอบด้าน พร้อมทั้งพิจารณาต้นทุนโดยรวมในการเข้าไปให้บริการ SAT-1 เช่น ต้นทุนค่าเช่าที่จอดรถและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่จะต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน ทั้งอาคารผู้โดยสารหลัก (Main Terminal) และไปให้บริการที่ SAT-1 ด้วย เป็นต้น รวมถึงพิจารณาว่า หลุมจอดทั้ง 28 หลุมจอด มีความพร้อมขนาดไหน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การบินไทยสนใจจะไปให้บริการที่ SAT-1 ซึ่งคาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในปีนี้