‘สุริยะ’ ควง 2 รมช.ใหม่ป้ายแดง เข้า ‘คมนาคม’ วันแรก เร่งเดินเครื่อง ‘บก-น้ำ-ราง-อากาศ’ หลังแถลงนโยบายสภา 11 ก.ย.นี้
“สุริยะ” รมต.คมนาคมป้ายแดง ควง “มนพร–สุรพงษ์” 2 รมช.ใหม่ เข้ากระทรวงฯ วันแรก กำชับหน่วยงานฯ บูรณาการ พร้อมดันโปรเจกต์ “บก–น้ำ–ราง–อากาศ” เล็งมอบนโยบายหลังแถลงสภาฯ 11 ก.ย.นี้ ลุยพัฒนาระบบขนส่งทางราง เตรียมเข็นประมูลรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น–หนองคาย ย้ำจะทำงานเดินหน้าร่วมมือกันก้าวข้ามความขัดแย้ง ส่วนนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ยันทำแน่นอน เร่งขอ Slot การบิน ทอ. เพิ่ม 100 เที่ยวบิน รับไฮซีซั่น
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเข้าปฏิบัติหน้าที่กระทรวงคมนาคม วันนี้(7 ก.ย. 2566) วันแรก โดยถือฤกษ์เวลา 09.00 น. ว่า ในวันนี้ได้มีการพบปะกับผู้บริหารและหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงคมนาคม เพื่อแนะนำตัวทำความรู้จักกันโดยยังไม่มีการมอบนโยบายแต่อย่างใด เนื่องจากต้องรอการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 11 ก.ย. 2566 ให้เสร็จสิ้นก่อน จึงจะมีการประชุมมอบนโยบายอีกครั้ง
ทั้งนี้ ได้ขอความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อเร่งรัดผลักดันการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการด้านคมนาคมขนส่งในทุกมิติ ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเสมอภาค
อีกทั้ง ให้ความสำคัญกับการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง พร้อมสานต่อโครงการให้เกิดความเชื่อมโยงด้านการขนส่งระหว่างทางน้ำกับทางราง ส่งเสริมการลดต้นทุนโลจิสติกส์เป็นนโยบายหลักๆ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีต้นทุนการขนส่งสินค้าที่สูงกว่าประเทศอื่นมาก โดยประเทศไทยครองสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) สูงถึง 15% แต่กลับพบว่าในนั้น มีการขนส่งระบบน้ำและรางเพียง 2%
ดังนั้น นโยบายของรัฐบาลจึงต้องเน้นเรื่องการลงทุนระบบรางให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดต้นทุน ส่วนการผลักดันโครงการลงทุนทั้งหมดนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายไว้อย่างชัดเจนว่า อะไรที่สามารถทำได้ตามกรอบจะดำเนินการทันที ส่วนโครงการที่ยังติดขัดอยู่ต้องรอ เช่น ค่ารถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย เนื่องจากการมีรายละเอียดด้านสัมปทาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการ ทั้งนี้ หากสามารถดำเนินการได้จะทำให้เพิ่มจำนวนผู้โดยสาร และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้
มองว่าระบบขนส่งทางรางโดยเฉพาะรถไฟทางคู่ ต้องมีการปรับปรุงให้ตรงเวลา เพื่อทำให้การขนส่งนั้นมีประสิทธิภาพ อีกทั้งต้องผลักดันให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการที่มีความพร้อมแล้ว อาทิ รถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น–หนองคาย เนื่องจากโครงการนี้ศึกษาพร้อมที่จะผลักดันให้เกิดการลงทุนแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ตั้งใจมากที่จะทำ” นายสุริยะ กล่าว
นายสุริยะ กล่าวถึงประเด็นนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่า ตนต้องขอโทษประชาชนที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่านโยบายนี้ไม่เร่งด่วน เพราะยืนยันว่านโยบายนี้ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะทำเพื่อแก้ไขปัญหาลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน แต่เนื่องจากการผลักดันนโยบายนี้ ต้องมีความพร้อมจากทั้งภาครัฐและเอกชนหารือร่วมกันในการพัฒนาระบบตั๋วร่วม จึงต้องใช้เวลาในการหารือกับผู้ประกอบการ อีกทั้งต้องใช้เวลาติดตั้งระบบซอฟต์แวร์ที่ประเมินว่าใช้เวลาอย่างเร็ว 1 ปี ดังนั้นจึงประเมินว่าจะใช้เวลาทำงานเรื่องนี้ 2 ปีสำเร็จ
“พอลดราคาค่าโดยสาร 20 บาท ผู้โดยสารก็จะเพิ่มขึ้น 10% รายได้ของผู้ประกอบการก็จะเพิ่มขึ้นทันที เมื่อเอกชนมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ต้องแบ่งปันผลประโยชน์ ซึ่งตอนนี้ทางกรมการขนส่งทางรางก็ประเมินตัวเลขออกมาแล้วว่าหากจะดำเนินการนโยบายนี้รัฐบาลต้องชดเชยเม็ดเงินเท่าไหร่ แต่ผมก็มอบหมายให้ไปหารือกับนักวิชาการ ม.ธรรมศาสตร์ที่มีข้อมูลเรื่องนี้ และกลับมาทบทวนตัวเลขกัน ยืนยันว่า 20 บาทต้องทำแน่นอน แต่ขอเวลา” นายสุริยะ กล่าว
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ รัฐบาลเน้นย้ำ คือ ในเรื่องของการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันที่จะถึงนี้ซึ่งนายกฯ ได้มีการสั่งการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่ตนได้มีการกำชับเพิ่มเติม โดยให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หาวิธีจัดสรรตารางเวลาการบิน (Slot) เพิ่มเติม เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่มขึ้น เบื้องต้นทราบมาว่ากองทัพอากาศ มี Slot การบินในช่วงเช้าเหลืออยู่
“เบื้องต้นได้ฝากเรื่องนี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือกับกองทัพอากาศ (ทอ.) เพื่อขอ Slot ที่ไม่ใช้ไปมอบให้กับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ซึ่งคาดว่าเบื้องต้นจะได้เพิ่มขึ้นมาประมาณ 100 เที่ยวบิน หรือทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมา 10,000 คนต่อวัน ซึ่งถือเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน” นายสุริยะ กล่าว
ด้านนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันนี้ ได้พบปะผู้บริหารของกระทรวงคมนาคมโดยจะมีการมอบนโยบายในการทำงานอีกครั้งหลังจากที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 11-12 ก.ย. 2566 ในส่วนของการทำงาน จะตั้งใจทำงานให้เป็นรัฐบาลของประชน สิ่งใดที่เป็นปัญหาความเดือดร้อนเราจะลงมือทำทันที จะนำคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีที่ได้ให้โอวาทในการประชุม ครม.นัดแรก เรื่องความโปร่งใสในการทำงาน ให้ความเป็นธรรมในการโยกย้ายของข้าราชการของคนทุกกลุ่ม ซึ่งการทำงานเหล่านี้เราต้องบอกว่าภาวะที่เรารับมาจากพี่น้องประชาชนคาดหวังกับรับบาลชุดนี้
“เราจะทำงานให้หนักและคงต้องขอความร่วมมือกับข้าราชการทุกหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม ร่วมทั้งสื่อมวลชนพี่น้องประชาชนที่จะร่วมมือกันก้าวข้ามความขัดแย้ง และนำไปสู่การพัฒนาประเทศให้ทันสมัยและทันโลกกับความคาดหวังของพี่น้องประชาชน” นางมนพร กล่าว
ขณะที่ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันแรกที่ได้พบปะกับพี่น้องในกระมรวงคมนาคม ในการที่จะดูแลหน่วยงานและรู้จักอำนาจหน้าที่ของแต่ละจุด เป็นไปตามที่นายสุริยะ ได้กล่าวว่า วันนี้วาระของประเทศไทยก็คือ วาระของชาติที่เราต้องช่วยกันขับเคลื่อน ซึ่งกระทรวงคมนาคมก็เป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจเรื่องการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม รู้สึกมั่นใจเนื่องจากนายสุริยะ เคยทำงานที่กระทรวงคมนาคมมาก่อนหน้านี้