จีน-องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้  มุ่งส่งเสริมการเชื่อมโลจิสติกส์ระหว่างประเทศสมาชิก!

การประชุมสามวันในหัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ร่วมสร้างระเบียงการขนส่งเชื่อมทางบกกับทางทะเลในยูเรเชียแห่งใหม่” ร่วมกันจัดโดยรัฐบาลประชาชนเทศบาลเมืองเหลียนอวิ๋นกั่ง และสำนักเลขาธิการองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการเชื่อมโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตลอดจนส่งเสริมจุดเติบโตใหม่ระหว่างประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้

ในการประชุมครั้งนี้ คุณโซเฮล ข่าน (Sohail Khan) รองเลขาธิการองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ คุณฟาง เว่ย (Fang Wei) รองผู้ว่าการมณฑลเจียงซู และคุณหม่า ซื่อกว่าง (Ma Shiguang) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองเหลียนอวิ๋นกั่ง ได้กล่าวสุนทรพจน์ตามลำดับ

เจ้าหน้าที่จากประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้และประเทศผู้สังเกตการณ์ ร่วมด้วยผู้แทนจากสถาบันและกลุ่มพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าร่วมการประชุมและบรรลุฉันทามติว่าด้วยความร่วมมือในหลายภาคส่วน เช่น การขนส่ง โลจิสติกส์ การค้าต่างประเทศ และเศรษฐกิจดิจิทัล

ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 10 ปีของข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ในโอกาสนี้ เมืองเหลียนอวิ๋นกั่ง ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางความร่วมมือภายใต้ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และเมืองหลักที่มีความสำคัญของสะพานเศรษฐกิจยูเรเชียใหม่ (New Eurasian Land Bridge) ได้รับบทเป็นช่องทางที่เปิดกว้างทั้งสองทางและศูนย์กลางการขนส่งเชื่อมทางรถไฟกับทางทะเล

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เมืองเหลียนอวิ๋นกั่งได้ส่งเสริมการจัดตั้งโครงการสาธิตภายใต้ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เช่น ฐานความร่วมมือโลจิสติกส์ จีน-คาซัคสถาน เมืองเหลียนอวิ๋นกั่ง (Lianyungang China-Kazakhstan Logistics Cooperation Base) และนิคมโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ (เหลียนอวิ๋นกั่ง) ขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO (Lianyungang) International Logistics Park) ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี

นิคมโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ (เหลียนอวิ๋นกั่ง) ขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ได้เปิดเส้นทางเชื่อมจีน-คีร์กีซสถาน-อุซเบกิสถาน เส้นทางแรกเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการเชื่อมโยงการค้าระหว่างจีนกับประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ โดย ณ เดือนกรกฎาคม 2566 มีการขนส่งตู้สินค้ารวมทั้งสิ้น 1,182 ทีอียู (TEU) หลังจากเปิดเส้นทางดังกล่าว