“เวริทรานส์” โลจิสติกส์สัญชาติไทย บริการระดับสากลตอบโจทย์ลูกค้า360 องศา!

“เวริทรานส์ อินเตอร์เนชั่นแนล” บริษัทให้บริการทางด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจร ภายใต้การบริหารของ คมกฤช จูตะกานนท์ ประธานบริษัทฯ ที่เปิดให้บริการมากกว่า 12 ปี เป็นบริษัทโลจิสติกส์สัญชาติไทย ที่ให้บริการเทียบเท่าโลจิสติกส์ระดับสากล มีจุดแข็งที่หลากหลายโดยเฉพาะการให้บริการด้านนำเข้าสินค้าทางอากาศ การให้บริการแบบ Hand Carry และการให้บริการด้านที่ปรึกษาบีโอไอ เป็นต้น เป็นการให้บริการซัพพลายเชนทั้งระบบ ที่สามารถต่อยอดและเพิ่มมูลค่าธุรกิจของลูกค้าได้ ทั้งนี้ทำธุรกิจไม่ได้เน้นเพียงแก่ผลกำไรเท่านั้น แต่ยังมองถึงการคืนกลับสู่สังคมผ่านกิจกรรม CSR ต่างๆมากมายหลายโครงการ
บริการของ ”เวริทรานส์ฯ” ครอบคลุมด้าน บริหารจัดการเรื่องการขนส่งระหว่างประเทศ หลายหลากรูปแบบ ทั้งทางทะเล ทางอากาศ และทางบก นอกจากนี้ยังมีการให้บริการคลังสินค้าและการกระจายสินค้า บริการศุลกากร ที่ดูแลบริหารจัดการกับพิธีการศุลกากรและปัญหาภาษีทั้งหมดด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์สูง ให้บริการคำปรึกษาเกี่ยวกับการวางแผนและการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ฯลฯ

 

นายคมกฤช จูตะกานนท์ ประธานบริษัทเวริทรานส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า การให้บริการของเวริทรานส์ต้องตอบโจทย์ธุรกิจของลูกค้า สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายทางธุรกิจให้กับพันธมิตรได้ ซึ่งบริษัทมีบุคลากรที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูง มีพันธมิตรทางธุรกิจอยู่ทั่วโลก เป้าหมายของบริษัทคือเน้นการเติบโตจากต่างประเทศโดยการขยายเครือข่ายเพิ่มขึ้น นี่คือความท้าทายในฐานะที่เป็นบริษัทคนไทย
จากการเปิดให้บริการมามากกว่า 12 ปี ปัจจุบันเวริทรานส์มีลูกค้าประมาณ 600-700 ราย จากหลากหลายอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็น กลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรคมนาคม อุปกรณ์ทางการแพทย์ ยานยนต์ อะไหล่สายการบิน และอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ เป็นต้น ซึ่งลูกค้าที่มาใช้บริการเวริทรานส์จะได้รับโซลูชั่นการขนส่งที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะการขนส่งทางอากาศที่เป็นจุดแข็ง ซึ่งเป็นการนำเข้าสินค้ามาส่งให้กับผู้ประกอบการในไทย การขนส่งทางอากาศแม้ว่าจะมีราคาแพงเมื่อเปรียบเทียบกับการขนส่งโหมดอื่น แต่ความต้องการของลูกค้ากลับมีเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่ต้องการความเร่งด่วน และสินค้าบางประเภทเสี่ยงต่อความเสียหายง่าย ไม่เหมาะสมกับการขนส่งทางเรือ ซึ่งการขนส่งทางอากาศมีทั้งแบบคาร์โก้ และ Hand Carry ถือว่าเป็นจุดแข็งและมีไม่กี่บริษัทที่เปิดให้บริการ

 

ในส่วนของ Hand Carry ได้ให้บริการ ให้บริการจัดส่งสเต็มเซลล์ หรือ เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต จากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ไปยังโรงพยาบาลในเครือข่าย ซึ่งการจัดส่งสเต็มเซลล์ จะต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมและมีประสบการณ์เท่านั้นและต้องเข้าใจในขั้นตอนการจัดส่งเป็นอย่างดี เนื่องจากสเต็มเซลล์มีอายุจำกัดและต้องถูกเก็บรักษาในอุณหภูมิที่ถูกต้องตลอดระยะเวลาการจัดส่ง จึงจะทำให้สเต็มเซลล์มีประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเราเคยให้บริการขนส่งและกระจายเลือดให้กับสภากาชาดไทย ในพื้นที่ภาคเหนือ ครอบคลุม มากกว่า 120 โรงพยาบาล ซึ่งการขนส่งที่มีความเชี่ยวชาญสามารถรักษาคุณภาพของเลือดได้ดี

 

สำหรับการขนส่งสินค้าพิเศษที่เวริทรานส์ให้บริการอยู่ในขณะนี้คือการขนส่งพระพุทธรูป โดยได้ร่วมกับโครงการพลิกฟื้นคืนพุทธสุวรรณภูมิสู่พุทธภูมิ โดย พระกากัน อโสโก (Gagan Malik) และมูลนิธิไตรรัตนภูมิ ในการจัดส่งพระพุทธรูป จำนวน 84,000 องค์ ที่ได้รับบริจาคจากชาวพุทธในประเทศไทย ไปยังวัด และ ชุมชนชาวพุทธในประเทศอินเดีย ซึ่งใช้การขนส่งทางเรือ
“การให้บริการของเราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้แบบครบวงจร สามารถต่อยอดงานของลูกค้ากับพันธมิตรได้ ไม่ใช่การบริการเพียงด้านใดด้านหนึ่ง ถ้าลูกค้าต้องการซูโลชั่นแบบไหน เราสามารถออกแบบและให้บริการได้ เรามีฝ่ายต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญ และเราก็เดินหน้าขยายเครือข่ายที่ต่างประเทศ เพราะตลาดโลจิสติกส์ต่างประเทศจะมีการเติบโตกว่าในไทย” นายคมกฤช กล่าว

 

เมื่อถามถึงการขยายธุรกิจในปีนี้ นายคมกฤช กล่าวว่าจะเน้นเรื่องการให้การให้บริการคลังสินค้า ซึ่งบริษัทมีโลเคชั่นที่หลากหลาย สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกอุตสาหกรรม
นอกเหนือจากการลงทุนเรื่องคลังสินค้าและ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านบุคลากรเพื่อให้มีประสิทธิภาพมีความสามารถในการให้บริการ เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์เป็นงานบริการ ฉะนั้นจำเป็นต้องอบรมให้ความรู้แก่พนักงานเพื่อสามารถตอบโจทย์องค์กรและให้บริการลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งความแตกต่างของแต่ละบริษัท อยู่ที่การให้บริการอย่างไรให้ลูกค้ามีความมั่นใจ ซึ่งเราให้บริการทั้งลูกค้ารายเล็กและรายใหญ่ ถ้าลูกค้าเติบโตบริษัทของเราก็เติบโตไปด้วย

 

สำหรับผลดำเนินงานที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตทุกปี เฉลี่ยปีละประมาณ 20% เน้นการเติบโตที่มั่นคงอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดในการทำธุรกิจในปี 2023 โดยจะเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล

 

สำหรับโมเดลทางธุรกิจของบริษัทในปี 2023 ประกอบไปด้วย 1. การทำให้เป็นagility company คือมีความคล่องตัว สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้า 2. การสร้างสไตล์ที่แตกต่าง 3.การสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง 4.การเพิ่มประโยชน์ 5.การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า 6. การทำให้เป็น Social Valued Company และ 7.การพัฒนาเครือข่ายความสัมพันธ์อย่างรอบด้านทั้งลูกค้า คู่ค้าและหุ้นส่วน