สายเหนือวิ่งฉิว! ‘ทางหลวง’ ทุ่ม 2.2 พันล้าน ขยาย 4 เลน ทล.11 แยกอินทร์บุรี–บ.หนองบัวทอง 28 กม.เสร็จแล้วเชื่อมเดินทางสิงห์บุรี-นครสวรรค์

ทางหลวงจัดของขวัญปีใหม่ให้ผู้ใช้ทาง ลุยขยายถนน 4 เลน ทล.11 แยกอินทร์บุรี.หนองบัวทอง มูลค่า 2.2 พันล้าน ระยะทาง 28 กม.แล้วเสร็จ เชื่อมสิงห์บุรีนครสวรรค์ หนุนโครงข่ายเส้นทางการค้าของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า สำนักก่อสร้างทางที่ 1 ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 11 สายแยกอินทร์บุรี.สากเหล็ก ตอนแยกอินทร์บุรี.หนองบัวทอง จาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร ระยะทาง 28 กิโลเมตร (กม.) ใช้งบประมาณ 2,202 ล้านบาท ล่าสุดแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ สนับสนุนโครงข่ายเส้นทางการค้ากลไกความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS)

สำหรับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 สายอินทร์บุรีเชียงใหม่ เป็นทางหลวงแผ่นดินสายประธานแนวเหนือใต้ เชื่อมการคมนาคมระหว่างจังหวัดในภาคกลางกับจังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย มีระยะทางประมาณ 545 กิโลเมตร(กม.) โดยเริ่มต้นจากทางแยกต่างระดับอินทร์บุรี บนทางหลวงหมายเลข 32 ในพื้นที่ .อินทร์บุรี .สิงห์บุรี ปลายทางบรรจบกับถนนสุเทพ ใน .เมือง .เชียงใหม่ ซึ่งมีอัตราการเดินทางและขนส่งเพิ่มสูงขึ้นทุกปี

ดังนั้น ทล.จึงดำเนินการก่อสร้างขยายตอน แยกอินทร์บุรี.หนองบัวทอง จุดเริ่มต้นโครงการบริเวณ แยกอินทร์บุรี.ท่างาม .อินทร์บุรี .สิงห์บุรี ที่กม.0+000 มีจุดสิ้นสุดที่บริเวณ .ช่องแค .ตาคลี .นครสวรรค์ ที่ กม.28+000 ระยะทางยาวประมาณ 28 กม. จากมาตรฐานเดิมขนาด 2 ช่องจราจร เป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษ 4 ช่องจราจร ผิวทางแบบคอนกรีต ช่องจราจรกว้างช่องละ 3.5 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.5 เมตร ด้านในกว้าง 1.5 เมตร รวมผิวทางกว้าง 11 เมตร แบ่งทิศทางการจราจรด้วยเกาะกลางแบบแบริเออร์คอนกรีต พร้อมติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างและอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยตลอดเส้นทาง

ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ จะทำให้การคมนาคมขนส่งมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณการจราจรทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาค ส่งเสริมคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมของจังหวัด และภาพรวมของประเทศ ช่วยลดปริมาณจราจรจากเส้นทางหลัก โดยเฉพาะผู้ใช้ทางที่มีปลายทางไป .พิจิตรพิษณุโลก เพชรบูรณ์ และอุตรดิตถ์

อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงขอความร่วมมือผู้ใช้ทางปฏิบัติตามชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุขับขี่ด้วยความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านและผู้ร่วมทาง ประชาชนสามารถสอบถามเส้นทางการเดินทางได้ที่ สายด่วนกรมทางหลวง โทร 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)