Momentive.ai ชี้ Embedded Insurance กำลังได้รับความนิยมในผู้ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น

เหล่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต้องการความสะดวกสบาย ในขณะที่ประสบการณ์อันไม่น่าประทับใจที่ลูกค้าได้รับ กระตุ้นให้เกิดการหันไปใช้ประกันภัยที่ฝังตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่งมีราคาไม่ต่างจากประกันแบบดั้งเดิม

เกือบ 100% ของผู้ให้เช่าระยะสั้นทั้งหมด ซึ่งกำลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น มีความต้องการที่จะให้ผู้ให้บริการปล่อยเช่าที่พัก อาทิ Booking.com, Airbnb, Vrbo, Expedia และรายอื่น ๆ นำเสนอและทำประกันภัยสำหรับผู้ให้เช่า

งานวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นว่าลูกค้าทั่วโลกจะเปลี่ยนไปใช้ประกันภัยที่ฝังตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์และบริการ (Embedded Insurance) มากขึ้นในอนาคต (+36%) ซึ่งมีราคาไม่ต่างจากผู้รับประกันภัยแบบดั้งเดิม (-14%) เพราะมีความสะดวกรวดเร็วกว่า อย่างไรก็ตาม แม้พวกเขาจะต้องการประกันภัยที่ฝังตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์และบริการ กว่า 67% ของเจ้าของบ้าน เจ้าของที่ดิน และผู้ให้เช่า ต่างยังไม่ได้รับข้อเสนอด้านประกันภัยในขั้นตอนการนำอสังหาริมทรัพย์เพื่อออกเช่า

ข้อมูลดังกล่าวมาจากงานการศึกษาผู้บริโภคชิ้นใหม่ของ คอฟเวอร์ จีเนียส ซึ่งจัดทำโดย Momentive.ai โดยได้สำรวจเจ้าของบ้าน เจ้าของที่ดิน และผู้ให้เช่า กว่า 15,000 คน ทั่วโลก เพื่อตรวจสอบความสนใจที่มีต่อประกันภัยรูปแบบใหม่ ซึ่งนายหน้า ธนาคาร ผู้ให้กู้ ที่ปรึกษาด้านสินเชื่อ ผู้ให้บริการการปล่อยเช่าระยะสั้น และบริษัท PropTech อื่น ๆ นำเสนอประกันภัยระหว่างขั้นตอนของการขอซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์

การศึกษาพบว่าผู้ให้เช่าระยะสั้นต้องการประกันภัยสำหรับผู้ให้เช่าที่มีผลคุ้มครองตลอดเวลาจากผู้ให้บริการปล่อยเช่า มิใช่เพียงแค่ความคุ้มครองที่ได้รับทับซ้อนกันอยู่ในช่วงระยะเวลาที่ทำการเช่า โดยมากถึง 98% ของผู้ตอบแบบสำรวจชี้ให้เห็นว่าพวกเขาสนใจซื้อประกันเจ้าของบ้านจากผู้ให้บริการให้เช่า โดยมีความสะดวกสบายเป็นตัวกระตุ้นสำคัญ ประกันภัยทั่วไปที่ผู้ให้บริการปล่อยเช่าส่วนมากมอบให้กับผู้ให้เช่ามักจะมีความคุ้มครองที่ทับซ้อนกันกับกรมธรรม์ประกันภัยที่มีอยู่ ทำให้ผู้ให้เช่าต้องจ่ายเงินมากเกินไปโดยไม่จำเป็น ประกันภัยที่ฝังตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับผู้ให้เช่าจึงเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยเฉพาะในประเทศที่ประกันภัยสำหรับผู้ให้เช่าไม่ได้เป็นประกันภัยภาคบังคับและเกิดการประกันภัยต่ำกว่ามูลค่า ข้อเสนอประกันภัยตามความต้องการที่ปรับปรุงความคุ้มครองของผู้ให้เช่ามีศักยภาพที่จะช่วยลดการทับซ้อนของความคุ้มครอง และช่วยผู้ให้เช่าสามารถลดค่าประกันหรือค่าเช่า ข้อมูลจากแบบสำรวจชี้ให้เห็นว่า 32% ของผู้ให้เช่าต้องการจ่ายเงินน้อยลงให้ผู้ให้บริการปล่อยเช่า และ 35% ต้องการจ่ายค่าประกันภัยสำหรับผู้ให้เช่าที่ถูกลง

“ลูกค้าต้องการประสบการณ์ที่ดีกว่าจากการเช่าหรือการซื้ออสังหาริมทรัพย์” คุณ แองกัส แมคโดนัลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งของ คอฟเวอร์ จีเนียส กล่าว “การใช้ประโยชน์จากประกันภัยที่ฝังตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์และบริการจะช่วยให้บริษัทดิจิทัลปรับปรุงกระบวนการประกันภัยอสังหาริมทรัพย์ที่พบเจอปัญหามาเป็นเวลานาน โดยการมอบความคุ้มครองดิจิทัลที่ครอบคลุมทั้งวงจรชีวิตของบ้าน ตั้งแต่การก่อสร้างไปจนถึงการครอบครองและการปล่อยเช่า งานวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่ดีมากสำหรับบริษัทดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการปล่อยเช่าระยะสั้น ธนาคาร ผู้ปล่อยกู้ หรือบริษัท PropTech ในการมอบโซลูชันเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้”

ผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า ประสบการณ์การเคลมประกันในกลุ่มประกันอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ลูกค้าต้องหาความคุ้มครองจากแหล่งอื่น ๆ โดยเจ้าของบ้าน ผู้ให้เช่า และเจ้าของที่ดิน ได้ให้คะแนนหลังการเคลมประกันในระดับปานกลาง โดยมีคะแนน Net Promoter Score (NPS) อยู่ที่ -3 ผู้ที่เคลมประกันไปเมื่อไม่นานต้องการเปลี่ยนผู้ให้ประกัน มีจำนวนมากกว่าผู้ที่ไม่ได้เคลมประกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ 16% ทั้งนี้ คอฟเวอร์ จีเนียส บริษัทประกันภัยแบบอินชัวร์เทค (Insuretech) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านประกันภัยที่ฝังตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์และบริการ ได้มอบบริการการเคลมประกันที่สะดวกสบาย ไร้รอยต่อ โดยมีคะแนนหลังการเคลมประกันที่ NPS +65* ซึ่งเป็นคะแนนที่สูงที่สุดในวงการประกันภัย

สถานการณ์นี้เป็นไปตามรายงาน 3 ฉบับ ที่พบว่าลูกค้าทั่วโลกต้องการความคุ้มครองแบบฝังตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์และบริการ เพราะมีความสะดวกรวดเร็วมากกว่า การเปลี่ยนแปลงในความต้องการของลูกค้านี้ยังมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่ไม่แตกต่างจากบริษัทประกันภัยแบบดั้งเดิม และเป็นข้อได้เปรียบสำหรับตัวแทนสายการบิน ตัวแทนท่องเที่ยว ธนาคาร (อิงจากข้อมูลการทำธุรกรรมชี้ให้เห็นว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการรับข้อเสนอจากธนาคาร) และผู้ค้าปลีก

สามารถดาวน์โหลดรายงานทั่วโลกฉบับเต็มได้ที่ “รายงานด้านประกันภัยอสังหาริมทรัพย์แบบฝังตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์และบริการ” และสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมทั้งการวิเคราะห์ผลการศึกษาจาก 16 ประเทศ ได้ที่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ลาตินอเมริกา, อาร์เจนตินา, บราซิล, เม็กซิโก, อังกฤษ, อิตาลี, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สิงคโปร์, เวียดนาม, ออสเตรเลีย, อินเดีย, เกาหลีใต้, ไทย และ อินโดนีเซีย