จับตาวันนี้! ประชุมไฮสปีดไทย-จีน ครั้งที่ 30 อัปเดตผลงาน ‘กรุงเทพฯ-โคราช’ คืบหน้า 15% จ่อขยายสัญญา 2.3 & ถกแบบเฟส 2 ‘โคราช-หนองคาย’
“ศักดิ์สยาม” เตรียมประชุมคณะกรรมการร่วมไฮสปีดไทย–จีน ครั้งที่ 30 วันนี้ (7 พ.ย. 65) อัปเดตผลงานสร้างเฟสแรก “กรุงเทพฯ–โคราช” 253 กม. 14 สัญญา คืบหน้า 15% เล็งขยายสัญญา 2.3 มูลค่า 5 หมื่นล้าน เหตุงานโยธาช้ากว่าแผน พร้อมรายงานผลหารือไทย–สปป.ลาว ลุยขอความร่วมมือจีนตรวจแบบเฟส 2 “โคราช–หนองคาย” หลังล่าสุดออกแบบเสร็จแล้ว ส่วน “สถานีอยุธยา” คาดเริ่มสร้างปลายปี 66
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ในวันนี้ (7 พ.ย. 2565) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย–จีน (Joint Committee: JC) ครั้งที่ 30 ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร–หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร–นครราชสีมา) ระยะทาง 253 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท
สำหรับการประชุม JC ครั้งที่ 30 ในวันนี้ จะมีการหารือใน 4 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1.ความคืบหน้าโครงการงานโยธา 14 สัญญา โดยปัจจุบันมีความคืบหน้า 15% ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดที่จะต้องแล้วเสร็จ 37% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) รวมถึงปัญหาการรอ พรฎ.เวนคืนที่ดินและการรื้อย้ายสาธารณูปโภค เช่น เสาไฟฟ้าแรงสูง สายไฟฟ้า ท่อประปา ท่อน้ำมัน ท่อก๊าซ เป็นต้น
นอกจากนี้ สาเหตุที่โครงการมีความล่าช้า ยังเกิดจากการขออนุญาตใช้พื้นที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมป่าไม้กรมชลประทาน กรมธนารักษ์ รวมทั้งอยู่ระหว่างรอข้อสรุปของสัญญา 4-1 บางซื่อ–ดอนเมือง ซึ่งเอกชนผู้ร่วมลงทุนโครงการรถไฟเชื่อมสามสนามบินยอมรับดำเนินการก่อสร้างฯ โดยมีการปรับแบบ ส่งผลให้มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้น 9,207 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน โครงการมีความล่าช้าจากการดำเนินการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงสถานีอยุธยา ที่ล่าสุดได้ออกหนังสือให้เอกชนเริ่มงาน (NTP) ไปแล้วเมื่อ ก.ย. 2565 และอยู่ระหว่างการดำเนินการตามกระบวนการของศูนย์มรดกโลก UNESCO ซึ่งจะใช้ระยะเวลา 1 ปี และคาดเริ่มก่อสร้างสถานีอยุธยาได้ในช่วงปลายปี 2566 แต่ในระหว่างรอนั้น ได้มีการหารือ เพื่อดำเนินการในส่วนอื่นก่อน
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุต่อว่า 2.การขยายระยะเวลาสัญญา 2.3 สัญญาจ้างงานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากรของโครงการความร่วมมือระหว่างไทย–จีน วงเงิน 50,633.50 ล้านบาท จากเดิมสิ้นสุดสัญญาใน มี.ค. 2569 แต่ด้วยงานโยธามีความล่าช้ากว่าแผน จึงจะมีการขยายสัญญาเพิ่มเติมออกไปอีก
3.รายงานผลการหารือการพัฒนาเชื่อมโยงการขนส่ง การค้าการลงทุนของ สปป.ลาว เกี่ยวกับโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟ ช่วงหนองคาย–เวียงจันทน์ หลังจากมีการประชุม เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมประชุมหารือกับนายเวียงสะหวัด สีพันดอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ จากการหารือทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงร่วมกันที่จะพัฒนาและปรับปรุงความร่วมมือด้านการคมนาคมทั้ง 4 มิติ (บก น้ำราง อากาศ) เพื่อให้การเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ อีกทั้งเชื่อมโยงโครงข่ายทางรถไฟไทย–ลาว–จีน รองรับการเดินทางและขนส่งระหว่างประเทศ โดยประเทศไทยยืนยันว่า มีความพร้อมในการรองรับการเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟหนองคายไปยังสถานีรถไฟเวียงจันทน์ ด้วยการพัฒนาสถานีรถไฟหนองคาย ให้สามารถรองรับการขนส่งสินค้าผ่านสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 1 ได้
4.ความก้าวหน้าของโครงการช่วงนครราชสีมา–หนองคาย ซึ่งไทยได้ศึกษาและออกแบบรายละเอียดเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างรอคณะกรรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) พิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ทั้งนี้ ฝ่ายไทยขอความร่วมมือให้ฝ่ายจีนช่วยตรวจสอบแบบ ซึ่งฝ่ายจีนเห็นว่างานบริการที่ปรึกษาควรดำเนินการในรูปแบบการลงนามในสัญญาบริการที่ปรึกษา (จัดซื้อจัดจ้าง) แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องกังกล่าว จะต้องดำเนินการตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และหาข้อสรุปร่วมกันต่อไป
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุอีกว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย–จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร–นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. ก่อสร้างแล้วเสร็จ 1 สัญญา คือ สัญญา 1-1 งานโยธาช่วงกลางดง–ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม.โดยมีกรมทางหลวง (ทล.) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 10 สัญญา โดยจากข้อมูลณ วันที่ 31 ต.ค. 2565 พบว่า 1.สัญญา 2-1 งานโยธาช่วงสีคิ้ว–กุดจิก ระยะทาง 11 กม. ความก้าวหน้างานก่อสร้าง 95.42%
2.สัญญา 3-2 งานอุโมงค์มวกเหล็กและลำตะคอง ระยะทาง 12.23 กม. ความก้าวหน้างานก่อสร้าง 4.38% 3.สัญญา3-3 งานโยธาช่วงบันไดม้า–ลำตะคอง ระยะทาง 26.10 กม. ความก้าวหน้างานก่อสร้าง 14.50% 4.สัญญา 3-4 งานโยธาช่วงลำตะคอง–สีคิ้ว และช่วงกุดจิก–โคกกรวด ระยะทาง 37.45 กม. ความก้าวหน้างานก่อสร้าง 41.08% 5.สัญญา 3-5 งานโยธาช่วงโคกกรวด–นครราชสีมา ระยะทาง 12.38 กม. ความก้าวหน้างานก่อสร้าง 2.40%
6.สัญญา 4-2 งานโยธาช่วงดอนเมือง–นวนคร ระยะทาง 21.80 กม. ความก้าวหน้างานก่อสร้าง 0.09% 7.สัญญา 4-3 งานโยธาช่วงนวนคร–บ้านโพ ระยะทาง 23 กม. ความก้าวหน้างานก่อสร้าง 4.47% 8.สัญญา 4-4 งานโยธาเชียงรากน้อย (Depot) ความก้าวหน้างานก่อสร้าง 0.02% 9.สัญญา 4-6 งานโยธาช่วงพระแก้ว–สระบุรี ระยะทาง 31.60 กม. ความก้าวหน้างานก่อสร้าง 0.15% และ 10.สัญญา 4-7 งานโยธาช่วงสระบุรี–แก่งคอย ระยะทาง 12.99 กม. ความก้าวหน้างานก่อสร้าง 29.69%
ขณะเดียวกัน อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างและยังไม่ได้ลงนามในสัญญาอีก 3 สัญญา ประกอบด้วย สัญญา 3-1 งานโยธาช่วงแก่งคอย–กลางดง และปางอโศก–บันไดม้า ระยะทาง 30.21 กม., สัญญา 4-1 งานโยธาช่วงบางซื่อ–ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กม. และสัญญา 4-5 งานโยธาช่วงบ้านโพ–พระแก้ว ระยะทาง 13.30 กม.
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว หรือในระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร–นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. คาดว่า จะเปิดให้บริการในปี 2569 ในส่วนของระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา–หนองคาย ระยะทาง 356 กม. วงเงิน 2.5 แสนล้าน แบ่งเป็น ทางรถไฟระดับพื้นดิน 185 กม. และทางรถไฟยกระดับ 171 กม.นั้น คาดว่า จะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการหลังระยะที่ 1 ประมาณ 3-4 ปี หรือในปี 2572-2573