ว้าว! ทล.เปิดแบบ ‘ทางเลี่ยงเมืองชะอำ’ 47 กม. มูลค่า 7 พันล้าน แก้จราจรทางหลวงหมายเลข 37 ประเดิมสร้าง 2 ทางแยกงบปี 66 กว่า 106 ล้าน

ทางหลวงเปิดแบบสายเลี่ยงเมืองชะอำระยะทาง 47 กม. มูลค่า 7 พันล้าน ลุยสร้างทางแยก 2 แห่ง งบปี 66 กว่า 106 ล้าน ก่อนเร่งเครื่องสร้างเสร็จใน 3 ปี ยกระดับความปลอดภัยด้านคมนาคมขนส่ง เชื่อมโยงการเดินทางภาคกลางสู่ภาคใต้ หนุนเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า สำนักสำรวจและออกแบบได้ดำเนินโครงการสำรวจและออกแบบปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 37 สายเลี่ยงเมืองชะอำ ระยะทาง 47.348 กิโลเมตร (กม.) ใช้วงเงินงบประมาณก่อสร้างทั้งโครงการประมาณ 7,000 ล้านบาท ปัจจุบันออกแบบรายละเอียดแล้วเสร็จ

โดยในปี 2566 ได้รับงบประมาณก่อสร้างในส่วนของทางแยกต่างระดับจำนวน 2 แห่ง คือ แยกห้วยตะแปด จำนวน50 ล้านบาท และแยกช้างแทงกระจาด 56 ล้านบาท ซึ่งแยกห้วยตะแปดงบประมาณก่อสร้าง 250 ล้านบาท และแยกช้างแทงกระจาด งบประมาณ 280 ล้านบาท โดยส่วนที่เหลือจะดำเนินการในปีงบประมาณ 2567 และปีงบประมาณ2568 โดยใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี

ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรสายหลักและเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งในอนาคตระหว่างภูมิภาค สนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตอนบนซึ่งเป็นเมืองเป้าหมายด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 (.. 2566-.. 2570)   

โดยเป็นการยกระดับถนนปลอดภัยและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย เพราะหากระบบคมนาคมขนส่งมีประสิทธิภาพจะเป็นกลไกและเครื่องมือที่สำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

สำหรับจุดเริ่มต้นโครงการที่ กม. 0+000 โดยจุดเริ่มต้นโครงการจะแยกออกจากถนนเพชรเกษม บริเวณทางแยกต่างระดับชะอำมุ่งลงสู่ภาคใต้ (ด้านทิศตะวันตกของชะอำ และหัวหิน) ผ่านห้วยตะแปด แยกข้างแทงกระจาด มหาวิทยาลัยศิลปากร แยกวัดห้วยมงคล ที่ว่าการอำเภอหัวหิน บรรจบถนนเพชรเกษม บริเวณทางแยกต่างระดับวังยาวที่กม.47+348.260 จึงเป็นจุดสิ้นสุดโครงการ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด 3 อำเภอ ได้แก่ .ชะอำ .เพขรบุรี และ.หัวหิน และ .ปราณบุรี .ประจวบคีรีขันธ์

โดยรูปตัดทางหลวงของโครงการขยายทางเป็นทางหลวงขนาด 6 ช่องจราจร (ไปกลับทิศทางละ 3 ช่องจราจร) กว้างช่องละ 3.50 เมตร  ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร ไหล่ทางด้านในกว้าง 1 เมตร แบ่งทิศทางจราจรด้วยกาะกลางแบบกดเป็นร่อง (Depressed Median) กว้าง 10.60 เมตร และติดตั้งคอนกรีตแบริเออร์ (Concrete Barrier) บริเวณขอบไหล่ทางด้านในทั้งสองฝั่ง

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า รูปแบบทางแยกต่างระดับตลอดเส้นทางโครงการมีทางแยกสำคัญที่ทางหลวงโครงการตัดกับถนนของกรมทางหลวงชนบทและถนนท้องถิ่นซึ่งได้ออกแบบเป็นทางแยกต่างระดับจำนวน 6 แห่ง โดยรูปแบบเป็นทางลอดและวงเวียนทางกลับรถบริเวณใต้สะพาน ได้แก่

  1. ทางแยกต่างระดับคลองชลประทานที่ กม.2+111.476 (จุดตัดถนนเลียบคลองชลประทาน)
  2. ทางแยกต่างระดับห้วยตะแปดที่ กม.10+530.384 (จุดตัดทางหลวงชน บท พบ.1001)
  3. ทางแยกต่างระดับข้างแทงกระจาดที่ กม.16+838.098 (จุดตัดทางหลวงชน บท พบ.1010)
  4. ทางแยกต่างระดับมหาวิทยาลัยศิลปากรที่ กม.19+450.735 (จุดตัดถนนท้องถิ่น)
  5. ทางแยกต่างระดับที่ว่าการอำเภอหัวหินที่ กม.33+989.081 (จุดตัดทางหลวงชนบท ปช.2043)
  6. ทางแยกต่างระดับหนองไผ่ที่ กม.39+173.753 (จุดตัดทางหลวงชนบท ปช.2030)

สำหรับการออกแบบจัดการจราจรท้องถิ่นและการกลับรถได้พิจารณาจากความต้องการในการใช้จุดกลับรถของประชาชนเป็นหลัก โดยมีรูปแบบจุดกลับรถและตำแหน่งจุดกลับรถ ดังนี้

รูปแบบที่ 1 รูปแบบจุดกลับรถแบบสะพานบก  เป็นการก่อสร้างสะพานบกบนทางหลวงโครงการให้ถนนท้องถิ่นลอดผ่านและกลับรถ ออกแบบให้มีความสูงเพียงพอที่รถประเภทต่าง สามารถลอดผ่านได้ เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้สะดวกและปลอดภัย มีจำนวน 11 แห่ง คือ 1.กม.3+388.809 (หุบกะพง) 2.กม.5+000 (ถนนท้องถิ่นไปวัดหุบกะพง) 3.กม.6+600 (จุดกลับรถเดิม) 4.กม.8+115 (.บ่อแขม)

5.กม.13+440.944 (ศูนย์พัฒนาห้วยทราย) 6.กม.14+906 (ทางเข้า .หนองข้าวนก) 7.กม.21+650 (วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบุรี) 8.กม.23+496.412 (ถนนท้องถิ่นไปบ้านสามพันนาม) 9.กม.25+428.725 (.วัดวังโบสถ์/สวนน้ำ Black Moutain) 10.กม.36+650 (ทางเข้าอ่างเก็บน้ำปราณบุรี) และ 11.กม.41+974.850 (ทางเข้า.ทุ่งเสือนอน)          

รูปแบบที่ 2 จุดกลับรถใต้สะพานข้ามคลอง เป็นการก่อสร้างจุดกลับรถใต้สะพานข้ามคลอง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนในท้องถิ่นใช้ระบบกลับรถในโครงการให้มีความปลอดภัยขึ้น มี 4 แห่ง คือ 1.กม.11+427.731 (ห้วยตะแปด) 2.กม.18+768 (ห้วยมะกอก) 3.กม.31+804.200 (ห้วยหอย) และ 4.กม.43+351.448 (ห้วยนาตะคลอง)

รูปแบบที่ 3 จุดกลับรถแบบท่อลอดเหลี่ยม ได้ออกแบบตามข้อเสนอแนะของประชาชนเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยได้ออกแบบให้รถขนาดเล็ก รถจักรยานยนต์ สามารถลอดผ่านได้รวมถึงเป็นทางเดินลอดของสัตว์เลี้ยงในพื้นที่โครงการด้วย มี 2 แห่ง คือ 1).กม.24+050 (.สามพันนาม) และ 2.กม.32+325 (.เขาเสวยราชย์)

นอกจากนี้ ได้ออกแบบปรับภูมิทัศน์บริเวณทางแยกต่างระดับบริเวณวงเวียนเพื่อให้เกิดความร่มรื่นและสวยงาม รวมถึงได้ออกแบบเกาะและทางเดินลอดใต้สะพานเป็นพื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย (Stamped Concrete) ให้มีสีสันสวยงาม

นายสราวุธ กล่าวอีกว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในทุกมิติเพื่อยกระดับถนนปลอดภัยและเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม พร้อมให้เร่งโครงการสำรวจและออกแบบปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงหมายเลข37 สายเลี่ยงเมืองชะอำ

ทั้งนี้ เป็นอีกโครงข่ายหนึ่งที่สำคัญในการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างภาคกลางและภาคใต้เนื่องจากมีสถานที่สำคัญหลายแห่ง ทั้งพื้นที่ธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เป็นอัตลักษณ์ระดับนานาชาติ  ส่งผลให้มีปริมาณการจราจรหนาแน่นโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนและในช่วงวันหยุดเทศกาล

จากผลการสำรวจข้อมูลปริมาณการจราจรปี 2563 อยู่ในช่วง 29,000 คัน/วัน เพิ่มขึ้นเป็น 34,9000 คัน/วัน ในปี2569 และเป็น 53,300 คัน/วัน ในปี 2587 ประกอบกับปัจจุบันเส้นทางมีขนาด 4 ช่องจราจร (ไปกลับทิศทางละ 2 ช่องจราจร) รวมทั้งสภาพภูมิประเทศที่เส้นทางตัดผ่านเป็นพื้นที่ราบ เส้นทางส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่นอกเมือง บางช่วงจะมีชุมชน สถานประกอบการและสถานที่ราชการอยู่บริเวณริมเขตทาง

ดังนั้น เพื่อลดปัญหาความคับคั่งของการจราจรและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจึงเร่งรัดโครงการดังกล่าวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรและยกระดับถนนปลอดภัยในพื้นที่เส้นทางท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันตกอย่างยั่งยืน