เปิดฉาก! วิ่งรถเมล์ไฟฟ้า สาย 17 & สาย 82 เชื่อมเดินทางไร้รอยต่อ ผุดไอเดียตั๋วพิเศษ จ่ายค่าเดินทางครบ 40 บาท นั่งใช้บริการได้ทั้งวัน

“ศักดิ์สยาม” เปิดให้บริการรถเมล์ไฟฟ้า สาย 17 & 82 พร้อมเอาใจผู้ถือบัตรสวัสดิการรัฐฯ จ่ายค่าตั๋ว 10 บาทตลอดสายถึงสิ้นปีนี้ ผุดไอเดียออกตั๋วพิเศษเดินทางวันละ 40 บาท หวังแบ่งเบาภาระประชาชน เชื่อมโยงทุกการเดินทางอย่างไร้รอยต่อ “ล้อ-ราง-เรือ” แก้ปัญหาจราจรติดขัด-ลดมลภาวะทางอากาศ ตั้งเป้าคนไทยได้ใช้รถพลังงานสะอาด 1,250 คันภายสิ้นปี 65

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีทดลองเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 17 และ สาย 82 ณ ไทยสมายล์บัส ศูนย์พระประแดง กรุงเทพมหานคร (กทม.) วันนี้ 29 ก.ย. 2565 ว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา ได้มีข้อสั่งการติดตามให้มีการใช้รถเมล์ไฟฟ้า EV กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการตามนโยบายสนับสนุนให้เกิดกระแสการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยได้ดำเนินการจ้างเหมาบริการรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้พลังงานสะอาด (รถไฟฟ้า) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเดินรถและลดมลภาวะเป็นพิษในเขตเมือง เพื่อให้บริการประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดให้บริการรถโดยสารประจำทางด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ รถ EV) สาย 8 เส้นทางแฮปปี้แลนด์-ท่าเรือสะพานพุทธ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน จากสถิติการเดินทางถึงปัจจุบันพบว่ามีผู้นิยมใช้บริการในแต่ละวันมีค่าเฉลี่ยมากกว่า 7,000 คน โดยกระทรวงคมนาคมไม่ได้วางเป้าหมายไว้เฉพาะโครงข่ายการขนส่งทางถนนเพียงเท่านั้น แต่มองไปถึงภาพของระบบการขนส่งสาธารณะที่เชื่อมโยงทุกการเดินทางอย่างไร้รอยต่อ ให้รถ-เรือ-ราง เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในชีวิตประชาชนที่สะดวก ปลอดภัย และเข้าถึงง่ายแก่คนทุกคน

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สำหรับการทดลองเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 17 และ สาย 82 ในวันนี้ การให้บริการทั้งหมดจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของนโยบายที่ได้มอบไว้ให้ ได้แก่ “ความสะดวก-ความสบาย-ความสะอาด-ความปลอดภัย” โดยเส้นทางสาย 17 พระประแดง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ส่วนสาย 82 ท่าน้ำพระประแดง-บางลำพู จะเชื่อมต่อการขนส่งทางน้ำที่ท่าเรือสะพานพุทธ

ทั้งนี้ ในส่วนของสาย 17 และ 82 จะมีการบรรจุรถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเป็น 20 คัน และเร่งรัดการดำเนินการจะมีรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเป็น 972 คัน ใน 77 เส้นทางภายในปี 2565 ซึ่งประชาชนจะสามารถใช้บริการเครือข่ายรถเมล์พลังงานสะอาดกว่า 1,250 คัน ใน 122 เส้นทางที่ปฏิรูปใหม่ภายในปี 2565 โดยได้มีการวางแผนเชื่อมต่อระบบล้อ-ราง-เรืออย่างครบวงจร

ขณะที่ อัตราค่าโดยสารนั้น แม้จะมีการกำหนดราคาค่าโดยสารตามระยะทางไว้ที่ 15-20-25 บาท แต่ในเบื้องต้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย จึงได้ขอความร่วมมือให้บริษัทฯ พิจารณาจัดเก็บค่าโดยสารสำหรับประชาชนผู้เดินทางซึ่งเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ราคา 10 บาท ตลอดสายจนถึงสิ้นปี 2565 โดยในระยะต่อไปได้มอบหมายให้มีการจัดทำตั๋วประเภทพิเศษ ที่หากประชาชนเดินทางครบ 40 บาท ใน 1 วันแล้ว จะไม่มีการเก็บค่าโดยสารเพิ่มในการใช้บริการหลังจากนั้น เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายประจำวันให้กับประชาชนครอบคลุมทุกกลุ่ม

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในฐานะผู้กำกับดูแลการประกอบการขนส่งทางถนนทั้งระบบเข้ามากำกับดูแลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งรถทุกคันในโครงการนี้จะมีเทคโนโลยีควบคุมความเร็ว และพฤติกรรมของคนขับรถ และพนักงานให้บริการประจำรถ พร้อมกันนี้ ยังได้มีการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ภายในรถ

ทั้งนี้ รถทุกคันจะใช้พลังงานไฟฟ้าอันเป็นพลังงานสะอาด สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้รถพลังงานไฟฟ้า รวมถึงจะมีการพัฒนาให้เป็นรถพลังงานไฮโดรเจนต่อไปในอนาคต โดยรถที่นำมาให้บริการจะเป็นรถปรับอากาศทำให้วิถีชีวิตของประชาชนผู้ใช้บริการได้รับความสบายเพิ่มมากขึ้น รวมถึงได้ขอให้บริษัทฯ ติดตั้งโทรทัศน์ภายในรถโดยสาร เพื่อผู้ใช้บริการได้ติดตามข้อมูลข่าวสารและตรวจสอบเส้นทางในการเดินทาง