เปิดหวูด! ‘การรถไฟฯ’ เตรียมเปิดวิ่ง ‘อุลตร้าแมน’ เฟสแรก 20 คันภายใน ต.ค.นี้ จ่อรับเพิ่มอีก 30 คัน ช่วงปลายปี 65-ต้นปี 66

“การรถไฟฯ” จ่อเปิดหวูดหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า “อุลตร้าแมน” 20 คันแรกวิ่งเข้าสถานีกลางบางซื่อภายใน ต.ค.นี้ เร่งตรวจเช็คเส้นทาง–ฝึกอบรมพนักงานขับรถไฟ 4 พันคน พร้อมเตรียมรับเพิ่มอีก 30 คัน ช่วงปลายปี 65-ต้นปี 66 เผยยอดผู้โดยสารขบวนรถเชิงพาณิชย์ฟื้นตัวแล้ว 70% เทียบช่วงโควิด-19 แตะ 2 หมื่นคน/วัน รายได้วันละ 6-7 ล้านบาท อานิสงค์เปิดประเทศ

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ตามที่การรถไฟฯ ได้มีการจัดหา และรับมอบรถจักรดีเซลไฟฟ้า (Diesel Electric Locomotive) รุ่นใหม่ หรือ “หัวรถจักรอุลตร้าแมน” มีน้ำหนักกดเพลา 16 ตัน/เพลา พร้อมอะไหล่ ระยะที่ 1 จำนวน 20 คัน จากกิจการร่วมค้า เอสเอฟอาร์ ได้ดำเนินขั้นตอนการตรวจรับ พร้อมทั้งทำการทดสอบไปแล้วนั้น ในระยะที่ 2 อีก 30 คัน การรถไฟฯ เตรียมรับมอบเพิ่ม 15 คันในช่วงปลายปี 2565 และในช่วงต้นปี 2565 อีก 15 คัน

สำหรับระยะที่ 1 จำนวน 20 คันนั้น ขณะนี้ การรถไฟฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติเพื่อนำไปให้บริการในการขนส่งสินค้า และเดินขบวนรถเชิงพาณิชย์ (รถทางไกล) รวมทั้งการฝึกอบรมพนักงานขับรถไฟกว่า 4,000 คน ซึ่งตอนนี้ฝึกอบรมไปแล้วกว่า 50% นอกจากนี้ จะต้องไปตรวจสอบสภาพแนวเส้นทาง และทำการทดลองวิ่งอีกครั้ง เช่น ทดลองในเส้นทางผ่านผาเสด็จ, เส้นทางผ่านอุโมงค์ช่องเขาไปยัง จ.นครศรีธรรมราช เป็นต้น เนื่องจากหัวรถจักรอุลตร้าแมน มีขนาดสูงกว่าหัวรถจักรที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยมีความสูง 4 เมตร จากหัวรถจักรปกติมีความสูง 3.8-3.9 เมตร

ทั้งนี้ หากทดลองและตรวจเช็คสภาพเส้นทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะนำมาให้บริการได้ภายใน ต.ค. 2565 โดยใช้ในขบวนรถด่วนพิเศษโดยวิ่งเข้าสถานีกลางบางซื่อ สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคม หรือใช้ในการขนส่งสินค้าต่อไป สำหรับเส้นทางที่หัวรถจักรอุลตร้าแมนสามารถวิ่งให้บริการได้ เช่น เส้นทางสายเหนือ, เส้นทางภาคใต้ไปยัง จ.ตรัง, เส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ไปยัง จ.หนองคาย เป็นต้น

นายนิรุฒ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการรถไฟฯ มีหัวรถจักร จำนวน 212 คัน โดยใช้งานได้ประมาณ 70-80% จากจำนวนทั้งหมด ซึ่งหากรวมหัวรถจักรอุลตร้าแมนอีก 50 คัน จะทำให้ในอนาคตการรถไฟฯ จะมีหัวรถจักรทั้งสิ้น 262 คัน ส่วนขบวนรถโดยสาร ปัจจุบันมีจำนวน 700-800 คัน และขบวนรถไฟดีเซลรางอีกประมาณ 200 กว่าคัน (ไม่รวม KIHA 183) ซึ่งปัจจุบันใช้งานจริงอยู่ที่ประมาณ 80%

ขณะที่จำนวนผู้โดยสารในปัจจุบันนั้น จากข้อมูล ณ ต้นเดือน ก.ย. 2565 พบว่า การรถไฟฯ ให้บริการขบวนรถเชิงพาณิชย์ใน 66 เส้นทาง จากทั้งหมด 84 เส้นทาง มีผู้โดยสารประมาณ 20,000 คนต่อวัน ซึ่งผู้โดยสารเริ่มกลับมาแล้วประมาณ 70% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่มีผู้โดยสารอยู่ที่ 30,000 คนต่อวัน มีรายได้วันละประมาณ 6-7 ล้านบาท จากเดิมมีรายได้วันละประมาณ 10 ล้านบาท แต่ในช่วงหยุดยาวเดือน ส.ค. 2565 ที่ผ่านมา มีผู้โดยสารสูงถึง 28,000-29,000 คนต่อวัน

ส่วนขบวนรถเชิงสังคมนั้น การรถไฟฯ ให้บริการ 144 เส้นทาง จากทั้งหมด 152 เส้นทาง ผู้โดยสารเริ่มกลับมาแล้ว70% เช่นกัน โดยปัจจุบันมีผู้โดยสารอยู่ที่ 45,000 คนต่อวัน จากในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 มีผู้โดยสารอยู่ที่ 68,000 คนต่อวัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ผู้โดยสารเริ่มกลับมาใช้บริการรถไฟนั้น เนื่องจาก นโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวยุโรป และอินเดีย และคาดการณ์ว่า จะเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต หากมีการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีน

รายงานข่าวจากการถไฟฯ ระบุว่า สำหรับรถจักรดีเซลไฟฟ้า (Diesel Electric Locomotive) ถือเป็นรถจักรดีเซลไฟฟ้าคุณภาพสูง ทำความเร็วสูงสุดได้ 120 กม./ชม. ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2565 ได้เริ่มทำการทดสอบหัวรถจักรเป็นครั้งแรก โดยใช้ลากจูงขบวนรถโดยสาร 115 คัน ที่มีน้ำหนักประมาณ 1,000 ตัน จากย่านสถานีกลางบางซื่อ–ชุมทางฉะเชิงเทรา ซึ่งผลการทดสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี และได้มีการทดสอบอีกครั้ง ในวันที่ 9 พ.ค. 2565 โดยใช้ลากจูงขบวนรถสินค้าที่มีน้ำหนัก 2,100 ตันจากชุมทางศรีราชา–ไอซีดีลาดกระบัง

ทั้งนี้ รถจักรดีเซลไฟฟ้าดังกล่าว ได้รับฉายาว่า “อุลตร้าแมน” เนื่องจากลักษณะภายในและภายนอกมีความโดดเด่นทันสมัย ใช้โทนสีแดงสลับเทา ผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัยจากบริษัท ซีอาร์อาร์ซี ซิชูเยียน (CRRC Qishuyan) ผู้ผลิตรถจักรดีเซลชั้นนำของประเทศจีน และใช้เครื่องยนต์ที่ผลิตจากประเทศเยอรมนี โดยการถไฟฯ มีเป้าหมายนำเข้ามาใช้ทดแทนรถจักรเดิมที่มีอายุการใช้งานมายาวนาน และช่วยเสริมศักยภาพการให้บริการแก่ผู้โดยสารและขนส่งสินค้า ตลอดจนรองรับการขยายโครงข่ายรถไฟทางคู่ที่จะเปิดใช้ในอนาคต