‘ศักดิ์สยาม’ นำทัพผู้บริหาร ‘การท่าเรือฯ’ บุกสิงคโปร์ เยี่ยมชม ‘ท่าเรือ Tuas’ เตรียมดึงโมเดล ‘ท่าเรืออัตโนมัติ’ ประยุกต์ใช้ในไทย

ศักดิ์สยามนำทัพผู้บริหาร กทท. เยี่ยมชมท่าเรือ Tuas @สิงคโปร์ โชว์ศักยภาพท่าเทียบเรือตู้สินค้าใหญ่ที่สุดในโลก ลุยดึงโมเดลท่าเรืออัตโนมัติประยุกต์ใช้พัฒนาท่าเรือในไทย หวังเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมกับ PSA International (PSA) ผู้ประกอบการท่าเรือชั้นนำระดับโลก (Global Terminal Operator: GTO) วันนี้ (9 .. 2565) ว่า PSA มีเครือข่ายทั่วโลกครอบคลุมพื้นที่ 160 แห่งใน 42 ประเทศ ให้บริการประกอบการท่าเรือน้ำลึก การขนส่งทางรถไฟตลอดจนธุรกิจในเครือในด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ Districpark และ Cargo warehouse

นอกจากนี้ PSA ร่วมมือพันธมิตรเพื่อให้บริการท่าเรือระดับโลกควบคู่ไปกับการพัฒนาโซลูชั่นการขนส่งสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยในปี 2564 มีปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าที่ประกอบการโดย PSA ทั่วโลก ถึง 91.5 ล้านทีอียู และมีปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าเรือ PSA สิงคโปร์อยู่ที่ 37.2 ล้านทีอียู หรือคิดเป็นสัดส่วน 35% ของปริมาณตู้สินค้าของPSA ทั่วโลก

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ท่าเรือ Tuas เป็น Landmark ที่มีความสำคัญของและเป็นอนาคตของการขนส่งทางน้ำของสิงคโปร์ เป็นการก่อสร้างบนพื้นที่จากการถมทะเลทั้งหมดมีการแบ่งโครงพัฒนาท่าเรือเป็น 4 ระยะ โดยในระยะแรก (เฟส 1) จะสามารถรองรับตู้สินได้ 20 ล้านทีอียู

ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นโครงการในระยะที่ 4 ท่าเรือ Tuas จะเป็นท่าเทียบเรือตู้สินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสามารถรองรับตู้สินค้าได้ 65 ล้านทีอียู ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2585 โดยเมื่อพัฒนาครบ 4 ระยะ ท่าเรือ Tuas จะพลิกโฉมมาเป็นท่าเรือหลักของประเทศสิงคโปร์

นอกจากนี้ PSA ให้ความสำคัญกับประเด็นด้าน ดิจิทัลเทคโนโลยี นวัตกรรม และสิ่งแวดล้อม อาทิ การพัฒนาท่าเรืออัตโนมัติ (Port Automation) ในการเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวก และความปลอดภัยในการปฏิบัติงานท่าเรือ เพิ่มสุขภาวะที่ดีในการทำงานให้แก่พนักงานของท่าเรือ

อีกทั้ง มีการพัฒนาระบบศูนย์กลางเชื่อมโยงข้อมูลด้านขนส่งทางน้ำ หรือ Port Community System (PCS) เพื่อเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงข้อมูลแบบไร้รอยต่อ (Seamless Operation) ระหว่างภาครัฐ เอกชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการ

ขณะเดียวกัน ท่าเรือ Tuas ยังสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือก โดยติดตั้งระบบโซลาเซลล์สำหรับการจ่ายไฟเพื่อใช้ภายในอาคารสำนักงาน และการใช้รถลำเลียงอัตโนมัติโดยใช้พลังงานไฟฟ้า (automated guided vehicle: AGV) ปฏิบัติงานในบริเวณท่าเรือ และมีการวางแผนใช้พลังงานสะอาดและระบบจัดเก็บและจ่ายพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงการพัฒนาการขนส่งที่ยั่งยืนเป็นสำคัญ

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า จากการหารือพร้อมเยี่ยมชมท่าเรือในวันนี้ ตนได้มอบนโยบายให้กระทรวงคมนาคมและการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) นำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทั้ง Port Automation , Sustainability, Port Community System ไปประยุกต์ใช้สำหรับการกำหนดนโยบายพัฒนาท่าเรือของไทย

ทั้งนี้ เพื่อรองรับพลวัตการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมท่าเรือที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ทั้งในด้านประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของท่าเรือ (Port operations) เทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม และสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป