ทอท. ลั่น! เข้าบริหาร 3 สนามบินแทน ทย. ‘อุดรฯ-บุรีรัมย์-กระบี่’ สัมปทาน 30 ปี สร้างรายได้กว่า 5 หมื่นล้าน

ทอท. ร่ายยาวเข้าบริหาร 3 สนามบินแทน ทย. “อุดรฯบุรีรัมย์กระบี่ลั่น! สัมปทาน 30 ปี สร้างรายได้ให้ไทยกว่า 5 หมื่นล้าน ดันไทยฮับการบินเชื่อมภูมิภาค เคาะโปรลดราคา 95%-เร่งปั๊มผู้โดยสาร ยันค่าธรรมเนียมสนามบินถูกลง คิดค่าบริการตามมาตรฐาน ICAO

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ ทอท. รับบริหารจัดการ 3 ท่าอากาศยาน ได้แก่ กระบี่ อุดรธานี และบุรีรัมย์ว่า การโอน 3 สนามบินเป็นยุทธศาสตร์การขนส่งทางอากาศของกระทรวงคมนาคมเพื่อพัฒนาศูนย์กลางการบินของประเทศ (Hub) เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านฝั่ง สปป.ลาวกัมพูชา

ทั้งนี้ สอดรับกับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการเห็นการเชื่อมต่อระบบขนส่งในรูปแบบเกทเวย์ต้อนรับการเดินทางจากประเทศเพื่อนบ้าน โดย ทอท.เชื่อว่าภายใต้ระยะเวลาของสิทธิ์การบริหาร 30 ปี จะสามารถสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลประมาณ 49,000-50,000 ล้านบาท เป็นผลตอบแทนคืนในรูปแบบภาษีและเงินปันผลตามสัญญาที่รัฐกำหนดอีกทั้งยังมีความคล่องตัวด้านการลงทุนที่ไม่ต้องรองบประมาณรายปีของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว

นายนิตินัย กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคมเห็นถึงความพร้อมของ ทอท. ที่ถือครองสัดส่วนผู้โดยสารทางอากาศอยู่มากถึง 85% ด้วยปริมาณผู้โดยสารสูงสุด 142 ล้านคน/ปี ประกอบกับมีความพร้อมทางเงินลงทุน ด้วยข้อได้เปรียบของศักยภาพในการควบคุมดีมานต์จึงทำให้ ทอท.สามารถให้สิทธิประโยชน์ (Incentive) เพื่อจูงใจในการเดินทางและเพิ่มปริมาณผู้โดยสารที่สนามบินปลายทางได้

นอกจากนี้ ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.เมื่อวันที่ 24 .. 2565 ได้มีมติเห็นชอบให้สิทธิพิเศษลดค่าธรรมเนียมลง 95% ในปีแรก สำหรับค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน (Landing Charge) และค่าบริการที่เก็บอากาศยาน (Parking Charge) ให้กับสายการบินใหม่ที่จะทำการเปิดเส้นทางใหม่มายังสนามบินของ ทอท.ถือเป็นความร่วมมือของสนามบินกับสายการบิน โดยใช้ค่าธรรมเนียมบริการสนามบินมาทดแทนรายได้ที่ขาดหายไปดังกล่าว

ดังนั้น ด้วยข้อได้เปรียบทางดีมานต์ ทอท. จึงมีความพร้อมที่จะใช้เครื่องมือแคมเปญการตลาด (Marketing campaign) มากระตุ้นยอดผู้โดยสารที่สนามบินใหม่ที่รับโอนมาได้ จากการศึกษาของ ทอท.พบว่าท่าอากาศยานทั้ง3 แห่ง มีอุปสงค์เงา (Shadow demand) สัดส่วนมากถึง 20% ซึ่งอุปสงค์ดังกล่าว คือจำนวนผู้โดยสารที่ต้องการบินตรงไปยังสนามบินปลายทางทั้ง 3 แห่ง แต่ยังคงต้องเสียเวลามาต่อเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อเปลี่ยนเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ

นายนิตินัย กล่าวถึงกรณีข้อสังเกตุในกรณีที่รับโอน 3 สนามบินแล้วจะส่งผลให้ค่าธรรมเนียมสนามบิน (Passenger Service Charge : PSC) แพงขึ้นว่า การรับโอน 3 สนามบินจะทำให้ค่า PSC ถูกลง เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อนกันหลายสนามบิน เช่น ชาวต่างชาติจะเดินทางจาก .อุดรธานีไปยังยุโรป สามารถบินตรงกลับไปได้เลยโดยไม่ต้องไปเสียเวลาต่อเครื่องที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอกจากจะสะดวกสบายแล้วยังเสียค่า PSC แค่ครั้งเดียวอีกด้วย

นอกจากนี้ การกำหนดค่า PSC ยังต้องอิงมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งกำหนดให้สนามบินต้องคิดค่าบริการตามต้นทุนในรูปแบบที่ไม่มีกำไรมากนัก ประกอบกับประเทศไทยมีหน่วยงานกลางของรัฐบาลอย่างสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กำกับดูแลอีกชั้นนึงด้วย ดังนั้นไม่ว่าใครจะเข้ามาบริหารสนามบินจะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ต้องแจกแจงต้นทุนบริหารเพื่อยึดเป็นแนวทางการคำนวณค่า PSC เช่นเดียวกัน

การพัฒนาท่าอากาศยานให้ได้มาตรฐานการบินสากลเป็นเรื่องที่ใช้งบประมาณลงทุนสูงเพื่อให้สามารถรับเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศได้ มาตรฐานสนามบินที่ดีขึ้นจึงมาพร้อมค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทอท.จึงมีความพร้อมด้านเงินทุนและเครื่องมือในการบริหาร สามารถเริ่มพัฒนาสนามบินได้โดยไม่ต้องรองบประมาณของรัฐบาล อีกทั้งยังนำส่งผลตอบแทนกลับเข้าแผ่นดินในรูปแบบภาษีและเงินปันผลตามสัญญาที่รัฐกำหนดนายนิตินัย กล่าว

นายนิตินัย กล่าวต่ออีกว่า การโอน 3 สนามบินเป็นไปตามยุทธศาสตร์แนวทางพัฒนาการขนส่งทางอากาศของประเทศ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากมายร่วมตัดสินใจ อาทิ กพท. สำนักงบประมาณ สำนักงานกฤษฎีกา กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ซึ่งภาพรวมมองว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีสนามบินที่เป็น Hub ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อพัฒนาให้สามารถรับเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการลดความแออัดภายในสนามบินหลัก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องทำไม่ว่าจะเป็นใครเข้ามาลงทุนก็ตาม ปัจจุบันน่านฟ้าที่อีสานมีที่ว่างเพียง2 แห่งเท่านั้น คือ .บุรีรัมย์ และจังหวัดอุดรธานี จึงมีศักยภาพจะพัฒนาเป็นเกทเวย์เพื่อยกระดับไปสู่ฮับการบินในอนาคต