‘ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์’ เปิดบินตรงสู่ ‘ออสเตรเลีย’ 2 เส้นทางใหม่ ‘ซิดนีย์ & เมลเบิร์น’ เริ่มเทคออฟ 1 ธ.ค.นี้

“ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์” บุกตลาดออสเตรเลีย เปิดรูทใหม่ 2 เส้นทางรวด สู่ “ซิดนีย์–เมลเบิร์น” ส่งโปรฯ เริ่มต้น 5,990 บาทต่อเที่ยว เริ่มบิน 1 ธ.ค.นี้ มั่นใจผลตอบรับดี ดึงนักท่องเที่ยวออสซี่เข้าไทยปีละ 8 แสนคน คาดเส้นทางญี่ปุ่น–เกาหลี กลับมาฟื้นตัวปกติช่วงไฮซีซั่นปีนี้ พร้อมวอนรัฐดูแลค่าเงินบาท–มาตรการถอดหน้ากาก สร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว

นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เปิดเผยว่า สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ (เที่ยวบิน XJ) เตรียมเปิดบินตรงสู่ประเทศออสเตรเลีย ใน 2 เมืองใหญ่ คือ เส้นทางกรุงเทพ(สุวรรณภูมิ)-เมลเบิร์น จำนวน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ให้บริการทุกวันพุธ พฤหัสบดี อาทิตย์ เริ่มบินในวันที่ 1 ธ.ค. 2565 ได้แก่ เที่ยวบิน XJ390 กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ)-เมลเบิร์น ออกจากต้นทางเวลา 00.10 น. ถึงปลายทางเวลา13.00 น. และเที่ยวบิน XJ391 เมลเบิร์น–กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ) ออกจากต้นทางเวลา 14.30 น. ถึงปลายทางเวลา 19.20 น.

ขณะที่ เส้นทางกรุงเทพ (สุวรรณภูมิ)-ซิดนีย์ จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ให้บริการทุกวันจันทร์ อังคาร ศุกร์ เสาร์เริ่มบินวันที่ 2 ธ.ค. 2565 ได้แก่ เที่ยวบิน XJ382 กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ)-ซิดนีย์ ออกจากต้นทางเวลา 00.10 น. ถึงปลายทางเวลา 13.10 น. และเที่ยวบิน XJ383 ซิดนีย์–กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ) ออกจากต้นทางเวลา 14.40 น. ถึงปลายทางเวลา 19.40 น.

ทั้งนี้ ทั้ง 2 เส้นทางดังกล่าว จะให้บริการด้วยเครื่องบินใหญ่ แอร์บัส เอ 330 จำนวน 377 ที่นั่ง พร้อมที่นั่งปรับเอนนอนเทียบเท่าชั้นธุรกิจ นอกจากนี้ ได้จัดโปรโมชั่น “ทริปมันๆ ฟิน ฟัน ที่ออสเตรเลีย” บินคุ้มราคาสมาชิกแอร์เอเชีย เริ่มต้นที่ 5,990 บาทต่อเที่ยว โดยทั้ง 2 เส้นทาง สามารถสำรองที่นั่งได้เเล้วที่ airasia Super App ตั้งแต่วันนี้ (29 ส.ค.)-4 ก.ย. 2565 เพื่อเดินทางตั้งเเต่วันที่ 1 ธ.ค. 2565-25 มี.ค. 2566

นายธรรศพลฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเปิดเส้นทางบินไปยังประเทศออสเตรเลีย 2 เส้นทางนั้น มั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวไทย ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยว เเละนักเรียนนักศึกษา ซึ่งจากสถิติ พบว่า ชาวไทยเดินทางไปออสเตรเลียปีละประมาณ 1 แสนคน ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเดินทางเข้าไทยปีละประมาณ 8 แสนคน จึงนับเป็นโอกาสที่ดีในการเปิดเส้นทางบินดังกล่าว โดยคาดการณ์ว่า อัตราขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ย (Load Factor) ของทั้ง 2 เส้นทางจะอยู่ที่ 85-90%

ทั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากชาวออสเตรเลียมีความตื่นตัวด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจากข้อมูล พบว่า ประเทศออสเตรเลียมีประชากรทั้งสิ้น 25.7 ล้านคน (ซิดนีย์ จำนวน 5.2 ล้านคน และเมลเบิร์นจำนวน 4.9 ล้านคน) ในจำนวนดังกล่าว มีประชากรที่เข้าออกประเทศเพื่อการท่องเที่ยว จำนวน 21 ล้านคน และประเทศไทยติดอันดับที่ 3 เป็นจุดหมายปลายทางของชาวออสเตรเลียที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยว

ประเทศไทยเเละประเทศออสเตรเลีย มีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกว่า 70 ปี โดยประเทศออสเตรเลียติด 3 อันดับเเรกที่มีนักเรียนนักศึกษาไทยไปศึกษาต่อมากที่สุด และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมท่องเที่ยวของคนไทย โดยเฉพาะซิดนีย์และเมลเบิร์น ถือเป็นเมืองใหญ่ 2 อันดับเเรกทั้งในด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เเละการศึกษา จึงเป็นโอกาสดีของไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ที่จะตอบโจทย์ทั้งกลุ่มนักเรียนที่ไปศึกษาต่อ เเละนักท่องเที่ยวที่ประหยัดการเดินทางพร้อมมีเงินเหลือใช้สำหรับการท่องเที่ยวมากขึ้น รวมถึงขยายการเติบโตสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เสริมจากตลาดเกาหลีใต้และญี่ปุ่นที่เราเเข็งเเกร่งเเละมีความเชี่ยวชาญอยู่เเล้ว” นายธรรศพลฐ์ กล่าว

นายธรรศพลฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเส้นทางไปยังประเทศญี่ปุ่นนั้น ปัจจุบันให้บริการสัปดาห์ละ 4 วัน จากเดิมให้บริการทุกวัน ซึ่งตามที่ญี่ปุ่น เตรียมยกเลิกใช้ผลตรวจโควิดก่อนบิน มีผล 7 ก.ย.นี้ สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ยืนยันว่ามีความพร้อมทั้งในส่วนของเครื่องบิน และบุคลากร เช่นเดียวกับเส้นทางไปยังประเทศเกาหลี ปัจจุบันให้บริการวันละ1 เที่ยวบิน จากเดิมวันละ 3 เที่ยวบิน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยมี Load Factor ประมาณ 90% อย่างไรก็ตามคาดหวังว่า ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) สายการบินจะกลับมาให้บริการในเส้นทางของทั้ง 2 ประเทศนี้ตามปกติเหมือนก่อนช่วงโควิด-19

ทั้งนี้ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ คาดว่า ในปี 2565 จะสามารถขนส่งผู้โดยสารรวม 300,000 คน จากที่ในปี 2562 (ก่อนช่วงโควิด-19) มีผู้โดยสารอยู่ที่ 2,000,000 คน หลังจากเริ่มกลับมาให้บริการตั้งเเต่ 1 มิ.ย. 2565 เป็นต้นไป โดยปัจจุบันได้ให้บริการฝูงบินจำนวน 3 ลำ และคาดว่า ภายในสิ้นปีนี้ จะมีฝูงบินให้บริการจำนวน 6 ลำ จากเดิมก่อนโควิด-19 มีฝูงบิน จำนวน 15 ลำ ซึ่งในปี 2566 เตรียมเพิ่มฝูงบินเพิ่มเติม เพื่อรองรับเส้นทางการบินต่างๆ รวมถึงสอดรับกับความต้องการบินของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่ผลประกอบการนั้น คาดการณ์ว่า ปี 2565 จะขาดทุนลดน้อยลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

นายธรรศพลฐ์ กล่าวต่ออีกว่า ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เตรียมเปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ไปยังประเทศอินเดีย เส้นทางกรุงเทพ (สุวรรณภูมิ)-นิวเดลี โดยคาดว่า จะเริ่มทำการบินได้ภายใน ต.ค. 2565 รวมถึงสนใจเปิดบินเส้นทางไปยังประเทศรัสเซีย 2 เส้นทาง คือ มอสโก และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งจะต้องพิจารณาสถานการณ์ทางการเมืองของรัสเซียและเรื่องประกันภัยด้วย

ทั้งนี้ เทรนด์การแข่งขันของอุตสาหกรรมการบินหลังจากนี้ เชื่อว่า ยังมีการแข่งขันของแต่ละสายการบินอย่างต่อเนื่องแต่จะแข่งขันแบบฉลาดมากขึ้น เนื่องจากในช่วงโควิด-19 แต่ละสายการบินบาดเจ็บค่อนข้างมาก และมีผลประกอบการขาดทุนกันมาตลอด โดยไม่มีมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ ซึ่งสายการบินหทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จะมุ่งเน้นเรื่องของราคาโปรโมชั่น โดยปกติแล้ว ราคาค่าโดยสารของสายการบินฯ จะต่ำกว่าสายการบินอื่นประมาณ 15-20%

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงของอุตสาหกรรมการบินในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 นั้น มองว่า มี 2 เรื่อง คือ 1.ราคาน้ำมัน ถึงแม้ว่าในขณะนี้ ต้นทุนราคาน้ำมันจะลดลงอยู่ที่ 34-35% จากเดิม 40% กว่าๆ 2.ค่าเงินบาท และอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งในเรื่องนี้อยากให้รัฐบาล เข้ามาช่วยดูแลความเหมาะสม เช่นเดียวกับเรื่องมาตรการการสวมใส่หน้ากากอนามัย ที่ต้องการอยากให้ถอดหน้ากากอนามัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว และแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยปลอดภัย มีวัคซีน และแพทย์ที่มีศักยภาพ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

ส่วนความคืบหน้าการฟื้นฟูกิจการของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ (รหัสเที่ยวบิน XJ) นั้น ตามที่เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2565 ที่ผ่านมา ศาลล้มละลายกลางได้นัดสายการบินเพื่อไต่สวนนัดแรก ถึงสถานะเจ้าหนี้ และมูลค่าหนี้นั้น ศาลฯ ได้รับเรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมนัดไต่สวนครั้งต่อไปในวันที่ 14 ก.ย. 2565 ขณะที่ สายการบินฯ จะเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ ตามที่ร้องขอ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการอื่นๆ ต่อไปนั้น คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในช่วงปลายปี2565