กรมพัฒน์ฯ ติดปีกผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทยด้วย AI

 

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการหลักสูตร การเพิ่มมูลค่าธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ด้วย AI เสริมสร้างองค์ความรู้และทักษะให้ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ นำเทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการธุรกิจ สร้างยอดขาย และเพิ่มกำไร รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ เปิดรับสมัครเข้ารับการอบรมตั้งแต่บัดนี้จนถึง 29 สิงหาคม 2565

ทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ และถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในทุกอุตสาหกรรม

โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ที่มีอัตราการแข่งขันที่สูง ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องปรับตัวและปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้มีความทันสมัย สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการนำนวัตกรรม เทคโนโลยี

รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) มาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการวางแผนและศักยภาพในการบริหารจัดการธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสในการแข่งขันให้กับองค์กร ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

เพื่อสร้างกระบวนทัศน์การดำเนินงานด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะรูปแบบใหม่ พร้อมส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงเตรียมจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ‘พัฒนาระบบการบริหารจัดการธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์’ หลักสูตร การเพิ่มมูลค่าธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ด้วย AI ในวันพุธที่ 31 สิงหาคม 2565 ณ โรงแรมแคนทารี อยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างศักยภาพธุรกิจโลจิสติกส์ มาร่วมบรรยายให้ความรู้และฝึกปฏิบัติ 6 ชั่วโมง ประกอบด้วย Digital transform สำหรับธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ แนวคิดและตัวอย่างการเพิ่มกำไร เพิ่มยอดขาย และเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจด้วย AI แนวโน้มเทคโนโลยีสำหรับธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ พร้อมทั้งฝึกปฏิบัติ เช่น การเขียนแผนธุรกิจโดยใช้ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ด้วย AI เป็นต้น

กรมฯ คาดหวังว่า ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้รับความรู้และความเข้าใจ ในการพัฒนาองค์กรโดยนำเทคโนโลยีและ AI มาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัล สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันผ่านการตัดสินใจ บนพื้นฐานข้อมูล เพื่อเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจ เพิ่มกำไรและยอดขาย อีกทั้งยังสามารถช่วยลดต้นทุนด้วยกระบวนการที่มีประสิทธิภาพสูงอีกด้วย

แม้ว่ากระแสของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงระบบซอฟแวร์อัตโนมัติจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อโครงสร้างด้านโลจิสติกส์ในอนาคต แต่ “บุคลากร” ยังคงเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต ซึ่งต้องอาศัยความสามารถในการจัดการ การวิเคราะห์ และการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด อธิบดีกล่าวสรุป

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2565) มีนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ทั่วประเทศจำนวน ทั้งสิ้น 32,782 ราย

สนใจสมัครเข้าร่วมอบรมได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2565 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนส่งเสริมธุรกิจโลจิสติกส์ กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร 0 2547 5955 สายด่วน 1570 และ www.dbd.go.th