ว้าว! ‘เจ้าท่าฯ’ ยกเครื่องบริการท่าเรือใน กทม.–ปริมณฑล สู่บริการดิจิทัลในปี 67 พร้อมลุยใช้เรือไฟฟ้า 48 ลำภายในปีนี้

เจ้าท่าเร่งปรับปรุงกายภาพท่าเรือใน กทม.-ปริมณฑล ครบ 29 แห่ง คาดแล้วเสร็จตามแผนภายในปี 66 ก่อนติดตั้งระบบเป็นท่าเรืออัจฉริยะในปี 67 หวังยกเครื่องบริการเรือโดยสารในเจ้าพระยา นำสมัยด้วยระบบดิจิทัล หนุนการท่องเที่ยว ส่วนความคืบหน้านำเรือไฟฟ้ามาให้บริการ คาดเอกชนบรรจุเรือเข้าให้บริการได้อีก 20 ลำ รวม 48 ลำภายในสิ้นปีนี้

นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) ด้านปฏิบัติการ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพัฒนาท่าเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑลตามแผนทั้งหมด 29 แห่งว่า จท.ได้ดำเนินการพัฒนาท่าเรือฯ โดยการปรับปรุงกายภาพ ตกแต่งท่าเรือใหม่ให้เกิดความสวยงาม และเกิดความสะดวกคล่องตัวสำหรับผู้ใช้บริการครบทั้ง 29 แห่ง ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะแล้วเสร็จตามแผนภายในปี 2566 หลังจากนั้นจะดำเนินการติดตั้งระบบให้เป็นท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Pier) ในปี 2567 โดยมีภาคเอกชนที่เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการตามกรอบที่ จท.กำหนดหรือจะต้องติดตั้งระบบต่างๆ ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีระบบดิจิทัลมายกระดับบริการ

สำหรับระบบ Smart Pier นั้น จะต้องมีระบบบอกเวลาเรือเข้าออกท่าเรือแบบเรียลไทม์ของท่าเรือผ่านหน้าจอดิจิทัลเพื่อให้ผู้เดินทางรู้กำหนดเวลาแน่นอนที่เรือมาถึง  สามารถบริหารเวลาการเดินทางได้ ระบบจัดเก็บค่าโดยสารแบบเงินดิจิตอล โดยในระยะเริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นบัตรเติมเงิน และตัดเงินค่าโดยสารผ่านบัตร ช่วยลดการสัมผัส ก่อนที่ในอนาคตจะปรับเป็นระบบตัดเติมเงิน ผ่านตัวอ่านข้อมูลในโทรศัพท์มือถือต่อไป

นอกจากนี้ ระบบ Smart Pier ยังมีระบบแนะนำเส้นทางการเชื่อมต่อรถโดยสาร ทางลาดคนพิการ และห้องน้ำอัจฉริยะที่ทั้งสะอาด และสามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจุดบริการชาร์จแบตเตอรี่มือถือ และ Free Wi-Fi ด้วยแนวคิดท่าเรือที่ไม่ใช่เพื่อการเดินทางเพียงอย่างเดียว แต่บุคคลทั่วไปสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้อีกด้วย ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยทำเป็นท่าเรือระบบปิดนั้น ในเรื่องนี้ได้นำเสนอข้อมูลให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปกระทรวงคมนาคมจะนำเข้าเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา จท.มีแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาเขต กทม. และปริมณฑล จำนวน 29 แห่ง ระหว่างปี 2562-2567 เพื่อพัฒนายกระดับท่าเรือให้มีความสวยงาม ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ ตลอดจนนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการควบคุมและบริหารจัดการบนท่าเรือ โดยความคืบหน้าปัจจุบันแบ่งเป็นท่าเรือ  ที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือกรมเจ้าท่า, ท่าเรือสะพานพุทธ, ท่าเรือนนทบุรี, ท่าเรือท่าช้าง และท่าเรือสาทร

ทั้งนี้ จท.จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2565 จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือราชินี ,ท่าเรือบางโพ,  ท่าเรือพายัพ, ท่าเรือท่าเตียน ,ท่าเรือพระราม 7 และ ท่าเรือเกียกกาย และมีแผนก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2567 จำนวน 18 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือพระปิ่นเกล้า,  ท่าเรือพระราม 5, ท่าเรือสะพานกรุงธน (ซังฮี้), ท่าเรือเขียวไข่กา, ท่าเรือโอเรียนเต็ล,ท่าเรือเทเวศร์

อีกทั้ง ท่าเรือราชวงศ์ ,ท่าเรือสี่พระยา, ท่าเรือพรานนก, ท่าเรือพิบูลสงคราม 2 (นนทบุรี), ท่าเรือวัดตึก, ท่าเรือพิบูลสงคราม 1, ท่าเรือวัดเขมา, ท่าเรือวัดสร้อยทอง, ท่าเรือวัดเทพากร, ท่าเรือวัดเทพนารี, ท่าเรือรถไฟ และท่าเรือวัดเศวตฉัตร โดยจะมีการติดตั้งระบบควบคุม และบริหารจัดการบนท่าเรือเรือแล้วเสร็จทั้ง 29 ท่าเรือ ภายในปี  2567

ขณะที่ในส่วนของตัวเรือนั้น จท.ได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเรือโดยสารปรับเปลี่ยนรูปแบบเรือมาใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลพิษ และลดปริมาณการใช้พลังงานน้ำมัน พร้อมการนำเรือไฟฟ้า EV มาให้บริการท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อให้สอดรับกับการพัฒนา ท่าเรือเป็น Smart Pier ขณะนี้เอกชนที่ดำเนินการ แจ้งว่าภายในปีนี้ จะมีการนำเรือไฟฟ้าเข้ามาให้บริการในระบบอีก 20 ลำ จากปัจจุบันที่มีให้บริการอยู่ 28 ลำ