‘สหไทย เทอร์มินอล’ มั่นใจ 2 ธุรกิจใหม่ดันยอดปีนี้โต 10% หลังฟันรายได้ปี 61 กว่าพันล้าน!!

สหไทย เทอร์มินอล (PORT) หนึ่งในผู้นำการให้บริการท่าเทียบเรือและโลจิสติกส์แบบครบวงจร โชว์กำไรผลประกอบการปี 2561 เติบโต 121.84%รุกขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องรองรับเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว คาดปีนี้โตกว่า 10%

นางสาวเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT กล่าวว่า  ผลประกอบการปี 2561 ซึ่งบริษัทฯมีรายได้รวม 1,557.89 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 15.80% จากรายได้รวม 1,364.33 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น 398.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 136.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 121.84 จากกำไรสุทธิ 61.73 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากปริมาณตู้สินค้าจากเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและเรือขนส่งสินค้าชายฝั่งที่เข้ามาใช้บริการที่ท่าเรือมีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยการให้บริการเรือใหญ่ (Feeder) เพิ่มขึ้นร้อยละ 91.70 และการให้บริการเรือขนส่งชายฝั่ง (Barge) เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.03 เนื่องจาก บริษัท บางกอก บาร์จ เทอร์มินอล จำกัด สามารถให้บริการเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มรูปแบบทั้งตู้สินค้านำเข้าและส่งออก ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ทำให้คณะกรรมการมีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้จ่ายปันผล 0.10 บาทต่อหุ้น จากกำไรในส่วนที่ได้รับยกเว้นภาษี โดยกำหนดวันปิดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 เมษายน 2562 จ่ายปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2562

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการขยายพื้นที่ให้บริการกิจกรรมการซ่อมและล้างตู้สินค้าในนามของบริษัทย่อย คือ บริษัท บางกอก คอนเทนเนอร์ เดโปเซอร์วิส จำกัด โดยมีพื้นที่ให้บริการรวม 37 ไร่ เพิ่มขึ้นจากเดิม 15 ไร่ ส่งผลให้มีปริมาณการให้บริการเพิ่มขึ้น 48.77% ซึ่งเป็นผลดีต่องานบรรจุและปริมาณการให้บริการตู้สินค้าส่งออกของท่าเรือเนื่องจากเป็นกิจกรรมต้นทางสำหรับผู้ส่งออกสินค้าในการนำตู้สินค้าไปใช้บรรจุสินค้าเพื่อการส่งออก โดยในปี 2561 มีปริมาณการให้บริการในการบรรจุเพิ่มขึ้น 18.16% นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากบริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางบกเพิ่มขึ้น 20.87% และรายได้จากการบริการพื้นที่จัดเก็บตู้ตอนเทนเนอร์และคลังสินค้า เนื่องจากคลังสินค้าเขตปลอดอากร เพิ่มขึ้น 15.79%

นางสาวเสาวคุณ กล่าวเสริมว่า คาดว่าปีนี้รายได้ของบริษัทฯจะเติบโตกว่า 10% ด้วยปริมาณการนำเข้าและส่งออกที่มีการเติบโตมากขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯมีการขยายธุรกิจและพันธมิตรทางธุรกิจที่เสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน และมอบบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น กับ 2 กลุ่ม คือ 1. จัดตั้งบริษัท บางกอก ริเวอร์ เทอมินอล จำกัด (Bangkok River Terminal) เพื่อลงทุนในโครงการท่าเรือแห่งใหม่ ร่วมกับบริษัท APM Terminals จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ A.P.Moller-Maersk  สายเรืออันดับหนึ่งของโลก และกับกลุ่มน้ำตาลมิตรผล เพื่อรองรับการขยายตัวของการนำเข้าและส่งออกของประเทศที่เพิ่มมากขึ้น

2. จัดตั้ง บริษัท บางกอกโลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (Bangkok Logistics Park) โดยร่วมทุนกับกลุ่มเฟรเซอร์สฯ (ไทคอน) ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมไทย จัดตั้งเพื่อลงทุน พัฒนา และบริหารโครงการโลจิสติกส์พาร์ค และศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ในเขตพื้นที่ขอบเมืองกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดสอดรับเทรนด์ธุรกิจยุคดิจิทัล