พร้อม! ขสมก. จัดแผนรองรับการเดินทางวันหยุดยาว 13-18 ก.ค.นี้ จัดเต็ม! ส่งรถเมล์วิ่ง ‘เส้นทางปกติ-เชื่อมสนามบิน-เชื่อมสถานีขนส่งกรุงเทพ’
ขสมก. จัดแผนเดินรถรองรับการเดินทางของประชาชน ช่วงวันหยุดยาว ดีเดย์! 13-18 ก.ค.นี้ ส่งรถเมล์วิ่งเส้นทางปกติ2.6 พันคัน กว่า 1.68 หมื่นเที่ยว พร้อมเดินรถเชื่อมสนามบิน 5 เส้นทาง รวม 48 คัน พ่วงวิ่งให้บริการเชื่อมต่อสถานีขนส่งกรุงเทพ รวม 54 สถานี 34 เส้นทาง
นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขสมก.ได้จัดแผนการเดินรถโดยสาร รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงวันหยุดยาว หรือวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษาในวันที่ 13-17 ก.ค. 2565 ซึ่งประชาชนนิยมเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก โดยขสมก. จึงได้จัดแผนตั้งแต่วันที่ 13-18 ก.ค. 2565 เพื่ออำนวยความสะดวก ปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้ใช้บริการโดยมีรายละเอียด
ทั้งนี้ ในเส้นทางปกติ จัดรถออกวิ่ง เฉลี่ยวันละ 2,639 คัน จำนวน 16,852 เที่ยว อีกทั้งยังจัดเดินรถ AIRPORT BUS เชื่อมต่อท่าอากาศยาน จำนวน 5 เส้นทาง รวม 48 คัน ได้แก่ สาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง–สถานีรถไฟฟ้า BTS จตุจักร เฉลี่ยวันละ 15 คัน, สาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง–อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เฉลี่ยวันละ 12 คัน, สาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง–สวนลุมพินี เฉลี่ยวันละ 8 คัน, สาย A4 ท่าอากาศยานดอนเมือง–สนามหลวง เฉลี่ยวันละ 8 คันและสาย S1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ–สนามหลวง เฉลี่ยวันละ 5 คัน
นอกจากนี้ ยังจัดเดินรถเชื่อมต่อสถานีขนส่งกรุงเทพ จำนวน 5 สถานี รวม 34 เส้นทาง ดังนี้
- สถานีขนส่งกรุงเทพ (จตุจักร) จำนวน 12 เส้นทาง ได้แก่ สาย 3, 16, 49, 77, 96, 134, 136, 138, 145, 509, 517, และ536
- สถานีขนส่งกรุงเทพ (เอกมัย) จำนวน 8 เส้นทาง ได้แก่ สาย 2, 23, 25, 71, 72, 501, 508 และ 511
- สถานีขนส่งกรุงเทพ (สายใต้ใหม่) จำนวน 6 เส้นทาง ได้แก่ สาย 66, 79, 511, 515, 516 และ 556
- สถานีรถไฟหัวลำโพง จำนวน 6 เส้นทาง ได้แก่ สาย 4, 21, 25, 34, 73 และ 501
- สถานีกลางบางซื่อ จำนวน 2 เส้นทาง ได้แก่ สาย 49 และ 67
นายกิตติกานต์ กล่าวต่อว่า ขสมก. ได้กำหนดมาตรการความปลอดภัย แบ่งเป็น ด้านพนักงานประจำรถ โดยกำกับดูแลพนักงานขับรถโดยสารให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้พนักงานเก็บค่าโดยสาร ดูแลการขึ้น–ลงของผู้ใช้บริการอย่างใกล้ชิด ให้บริการด้วยความสุภาพเรียบร้อย อีกทั้งตรวจวัดแอลกอฮอล์ ความดันโลหิตและอุณหภูมิร่างกายของพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสารทุกครั้ง ก่อนขึ้นปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารพร้อมทั้งกำชับพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ขณะปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสาร
นอกจากนี้ ให้พนักงานขับรถตรวจสอบความพร้อมของรถโดยสาร และอุปกรณ์ส่วนควบ ก่อนนำรถออกให้บริการประสานผู้รับเหมาซ่อมรถ ตรวจเช็คสภาพรถโดยสาร และซ่อมบำรุงรักษารถให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี พร้อมทั้งจัดพนักงานนายตรวจ และเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษประจำจุด ณ ป้ายหยุดรถโดยสารที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่น เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร และดูแลการขึ้น–ลงรถของผู้ใช้บริการ
ขณะที่ ด้านรถโดยสารประจำทาง มีการเพิ่มความถี่ในการล้างทำความสะอาดระบบปรับอากาศ และการทำความสะอาดผ้าม่าน รวมถึงใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ฉีดพ่นทำความสะอาดภายในรถโดยสาร และใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ที่ผู้ใช้บริการต้องสัมผัส เช่น เบาะที่นั่ง ราวจับกริ่งสัญญาณ เป็นต้น พร้อมทั้งติดตั้งขวดเจลแอลกอฮอล์ สำหรับให้ผู้ใช้บริการล้างมือบริเวณประตูทางขึ้น
ขณะเดียวกัน มีการติดตั้ง QR Code แอปพลิเคชัน“ไทยชนะ”บริเวณหลังเบาะที่นั่ง และบริเวณผนังด้านข้าง ภายในรถโดยสาร สำหรับให้ผู้ใช้บริการสแกนผ่านโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน เพื่อเก็บข้อมูลการเดินทาง กรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อใช้บริการรถโดยสารคันเดียว และเวลาเดียวกันกับผู้ใช้บริการ จะมีการแจ้งเตือนผ่านระบบSMS ว่าผู้ใช้บริการมีความเสี่ยงให้รีบไปพบแพทย์ รวมถึงติดตั้งป้ายข้อความ “เหลือรถอีก 2 คันสุดท้าย” “เหลือรถอีก 1 คันสุดท้าย” “รถคันสุดท้าย” บริเวณกระจกด้านหน้ารถโดยสารที่วิ่งให้บริการ 3 คันสุดท้ายในแต่ละวัน
นายกิตติกานต์ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนด้านผู้ใช้บริการนั้น ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะใช้บริการรถโดยสาร ล้างทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ที่ติดตั้งบริเวณประตูทางขึ้น ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ ควรสแกน QR Code แอปพลิเคชัน“ไทยชนะ”บนรถโดยสาร เพื่อเช็คอินเมื่อขึ้นรถ และเช็คเอาท์ก่อนลงจากรถ สำหรับผู้ถือบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ของ ขสมก. ทุกประเภท ควรลงทะเบียนบัตรที่www.bmta.co.th เพื่อให้บัตรดังกล่าว สามารถเช็คอิน–เช็คเอาท์ โดยอัตโนมัติ เมื่อนำบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์มาแตะที่เครื่อง EDC เพื่อชำระค่าโดยสาร
อีกทั้ง ผู้ใช้บริการจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานเก็บค่าโดยสาร นายตรวจ และเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษอย่างเคร่งครัด โดยขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ ชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสด ผ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทของ ขสมก. บัตรเดบิต – เครดิตที่มีสัญลักษณ์คอนแทคเลส บัตรสวัสดิการแห่งรัฐและโมบายแบงก์กิ้ง เพื่อลดการสัมผัสธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ ที่อาจเป็นสื่อกลางในการแพร่เชื้อโรคฯ
อย่างไรก็ตาม ขสมก. ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเดินรถ ได้แก่ ศูนย์วิทยุรัชดา สำนักงานใหญ่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ศูนย์วิทยุเขตการเดินรถที่ 1-8 ตั้งแต่วันที่ 13-18 ก.ค. 2565 และจัดเจ้าหน้าที่ Call Center 1348 ให้บริการด้านข้อมูลข่าวสารในการเดินรถอีกด้วย