อัปเดต! รถไฟทางคู่ ‘นครปฐม-ชุมพร’ มูลค่า 4.01 หมื่นล้าน โยธาคืบหน้า 93% จ่อเปิดหวูดให้บริการ ‘ช่วงเขาเต่า-ประจวบฯ’ 77 กม. ภายในสิ้นปี 65

“การรถไฟฯ” อัปเดตความคืบหน้าก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ “นครปฐม–ชุมพร” 6 สัญญา มูลค่า 4.01 หมื่นล้าน งานโยธาคืบหน้า 93% เตรียมประเดิมเปิดหวูดให้บริการ “ช่วงเขาเต่า–ประจวบฯ” ระยะทาง 77 กม. ภายในสิ้นปี 65 คาดให้บริการทั้งเส้นทางปลายปี 66 ช่วยย่นระยะเวลาเดินทางลงใต้เร็วขึ้น ลดอุบัติเหตุ แก้ปัญหาจราจร พร้อมหนุนการท่องเที่ยว

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม–ชุมพร ระยะทาง 421 กิโลเมตร (กม.) วงเงินรวม 40,192 ล้านบาทว่า ปัจจุบันภาพรวมของผลการดำเนินโครงการฯงานโยธาและระบบราง 5 สัญญา คืบหน้า 93.20% คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการการเดินรถช่วงแรกในระบบแบบกึ่งอัตโนมัติ คือ ช่วงเขาเต่า–ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 77 กม. ได้ภายในสิ้นปี 2565 เนื่องจากช่วงเส้นทางดังกล่าว จะมีการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาที่ 3 ช่วงหัวหิน–ประจวบคีรีขันธ์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะเปิดให้บริการได้ทั้งเส้นทางภายในปลายปี 2566

ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานดังกล่าว มีความคืบหน้าเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบการเดินรถในส่วนของสัญญาที่ 3 เพื่อให้มีประสิทธิภาพก่อนที่จะเปิดให้บริการ เมื่อโครงการรถไฟทางคู่แล้วเสร็จ ทำให้การเดินรถไฟใช้ระยะเวลาที่สั้นลง จากต้นทางกรุงเทพฯ มายังสถานีหัวหินเร็วขึ้น จากเดิมใช้เวลาเดินทาง5 ชั่วโมง เหลือเพียงประมาณ 2.30 ชั่วโมง โดยไม่ต้องรอทางหลีกรถไฟ ซึ่งรองรับขบวนรถเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 2 เท่าตัว

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าว ยังมีการก่อสร้างสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ (Overpass) หรือทางลอดใต้ทางรถไฟ(Underpass) เพื่อแก้ไขปัญหาจุดตัดทางรถไฟและทางถนน ช่วยเพิ่มความเร็ว และความปลอดภัยในการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าเพิ่มขึ้น มีความตรงต่อเวลาการเดินขบวนรถไฟมากยิ่งขึ้น และจะเป็นส่วนสำคัญที่สามารถแก้ไขปัญหาจราจร และลดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ยังเป็นการเชื่อมต่อระบบการขนส่งเส้นทางท่องเที่ยวตลอดเส้นทางสายใต้ ไม่ว่าจะเป็นรถเช่า เรือท่องเที่ยว หรือธุรกิจอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้เป็นอย่างดี

รายงานข่าวจากการรถไฟฯ ระบุว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการฯทั้ง 6 สัญญา แบ่งเป็น งานโยธาและระบบราง 5 สัญญา วงเงินรวม 33,982 ล้านบาท และสัญญาจ้างงานระบบอาณัติสัญญาณฯ 1 สัญญา วงเงินรวม 6,210 ล้านบาท(ข้อมูล ณ วันที่ 25 มิ.ย. 2565) ได้แก่

สัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม–หนองปลาไหล ระยะทาง 93 กม.วงเงิน 8,198 ล้านบาท ผลงานสะสม 96.507% ล่าช้ากว่าแผน 1.064% มีบริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอส เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด เป็นผู้ก่อสร้าง ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ก.พ. 2559-31 ม.ค. 2564 ขยายสัญญา 20 เดือน ไปสิ้นสุดภายในวันที่ 30 ก.ย. 2565

สัญญาที่ 2 ช่วงหนองปลาไหล–หัวหิน วงเงิน 7,520 ล้านบาท ระยะทาง 76 กม. ผลงานสะสม 94.908% ล่าช้ากว่าแผน 2.152% มีบริษัทซิโน–ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชัน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ก่อสร้าง ระยะเวลาก่อสร้าง15 มิ.ย. 2561-14 มิ.ย. 2565 ขยายสัญญา 20 เดือน ไปสิ้นสุดภายในวันที่ 30 ก.ย. 2565

สัญญาที่ 3 ช่วงหัวหิน–ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 5,807 ล้านบาท ระยะทาง 84 กม. ผลงานสะสม 100% มีบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ก่อสร้าง

สัญญาที่ 4 ช่วงประจวบคีรีขันธ์–บางสะพานน้อย วงเงิน 6,465 ล้านบาท ระยะทาง 88 กม. ผลงานสะสม 86.415% ล่าช้ากว่าแผน 2.107% มีกิจการร่วมค้าเคเอส–ซี เป็นผู้ก่อสร้าง ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ก.พ. 2561-31 ต.ค. 2563 ขยายสัญญา 15 เดือน ไปสิ้นสุดภายใน ม.ค. 2565 คาดแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ก.ค. 2565

สัญญาที่ 5 ช่วงบางสะพานน้อย–ชุมพร วงเงิน 5,992 ล้านบาท ระยะทาง 79 กม. ผลงานสะสม 89.175% ล่าช้ากว่าแผน 10.825% มีกิจการร่วมค้าเอสทีทีพี เป็นผู้ก่อสร้าง ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ก.พ. 2561-31 ม.ค. 2564 ขยายสัญญา15 เดือน ไปสิ้นสุดภายใน เม.ย. 2565 คาดแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ก.ค. 2565

สัญญาที่ 6 สัญญาจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ วงเงิน 6,210 ล้านบาท ผลงานสะสม 30.472% ล่าช้ากว่าแผน 47.914% มีกิจการร่วมค้า The Consortium CRSC Resarch and Design Institute Group Co.,Ltd. And CRSC International Company Limited. เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ระยะเวลาก่อสร้าง 27 ม.ค. 2563-26 ม.ค. 2566