เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ชี้โอกาสลงทุนในกลุ่มเฮลท์แคร์ ผ่าน K-GHEALTH กองทุนหุ้นนวัตกรรมทางการแพทย์โตต่อแม้ภาวะผันผวน
KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) ชี้โอกาสลงทุนในกลุ่มเฮลท์แคร์
นางสาวศิริพร สุวรรณการ Senior Managing Director – Financial Advisory Head Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ตลอดระยะเวลา 2–3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ในวันนี้เราได้ตระหนักว่
กองทุน K–GHEALTH เน้นลงทุนในหุ้นทางการแพทย์
- Pharma – ยา ที่มีการพัฒนาให้สามารถรักษาได้
อย่างตรงจุดหรือที่เรียกว่า Precision Medicine รวมไปถึงพัฒนาให้ใช้งานได้ สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เช่น ในปัจจุบันมีการพัฒนาให้อินซูลิ นอยู่ในรูปแบบเม็ด - Biotech – การนำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาช่
วยในการวินิจฉัยและรักษาโรคได้ อย่างมีประสิทธิภาพและรั กษาไปจนถึงระดับพันธุกรรม เช่น การรักษาโรคมะเร็งและโรคหัวใจ การพัฒนายาที่ป้องกันการเกิดหั วใจล้มเหลว ด้วยการเข้าไปสร้างกล้ามเนื้อหั วใจเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ด้วยการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ - Medical Tech – เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ใช้หุ่
นยนต์ในการผ่าตัด การใช้ AI ช่วยประมวลผลข้อมูลทางการแพทย์ ที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัลมาใช้ ในการวินิจฉัย เพิ่มความรวดเร็วและรักษาโรคได้ อย่างทันท่วงที - Healthcare Services – การเข้าถึงบริการทางสาธารณสุ
ขในราคาที่เหมาะสม เช่น ระบบประกันสุขภาพที่มีบริษั ทในเครือข่ายมาก ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรั กษาได้ง่ายขึ้น
ศาสตราจารย์ นายแพทย์มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้
- Telemedicine ที่เร่งตัวขึ้นจากโควิด 19 ช่วยให้คนไข้ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องมารอพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ปัจจุบันสามารถส่งต่อข้อมู
ลจากอุปกรณ์อย่าง สมาร์ท วอชที่บอกข้อมูลสุขภาพให้แพทย์ พิจารณาและปรับการรักษาได้ ในปี 2563 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 7.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 27 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 3.96 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 135 ล้านล้านบาท ในปี 2570 - AI, Machine Learning และ Big Data ปัจจุบันข้อมูลทางการแพทย์อยู่
ในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น สามารถใช้ AI ช่วยวินิจฉัย คัดกรอง รวมถึงช่วยแพทย์ตัดสินใจในการรั กษาได้ดีขึ้น เช่น นำ AI มาใช้ในการวินิจฉัยคนไข้ที่เป็ นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ซึ่งช่วยร่นเวลาในการวินิจฉั ยจากที่ใช้เวลา 15–30 นาที ให้เหลือเพียง 3 นาทีเท่านั้น - Internet of ‘Medical’ Things – AR / VR และ sensors อุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์เชื่
อมต่อทางการแพทย์ได้รับการพั ฒนาขึ้นเพื่อใช้ดูแลรักษาสุขภาพ เช่น ใช้ AR / VR เฝ้าสังเกตอาการคนไข้ และทำการรักษาแบบ on–site ไม่ต้องมาที่โรงพยาบาล เซ็นเซอร์ติดแขนที่วัดระดับน้ำ ตาลในเลือดได้ตลอด 24 ชม. หรือ เซ็นเซอร์ติดที่ยา ทำให้รู้ว่าคนไข้ ทานยาครบและตรงตามเวลาที่ กำหนดหรือไม่ ในปี 2563 หรือ 30% ของตลาด IoT มาจากผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลสุขภาพ และคาดว่าในปี 2568 จะมีมูลค่าสูงถึง 6.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 211 ล้านล้านบาท - Medical Automation and Robotics การใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดอวั
ยวะขนาดเล็กที่มีความละเอียดอ่ อน เช่น มือ หู ตา หรือ สมอง การนำหุ่นยนต์มาใช้งานหลังบ้าน ช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่ มความรวดเร็วในการให้บริการ โดยคาดว่าในปี 2569 จะมีมูลค่าตลาดที่ 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 13.6 ล้านล้านบาท - 3D Bio–Printing การนำเทคโนโลยี 3D Printing มาใช้ในการพิมพ์โครงสร้
างของกระดูกเพื่อให้เซลล์กระดู กสามารถเจริญเติบโตขึ้นมาเป็ นกระดูกได้จริง ๆ โดยสามารถนำเทคโนโลยีนี้มาประยุ กต์ใช้ในการปลูกถ่ายอวัยวะได้ โดยคาดว่าในปี 2570 จะมีมูลค่าตลาดที่ 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 6.2 หมื่นล้านบาท - Gene Editing ด้วยเทคโนโลยี CRISPR จากโรคที่เราไม่คิดว่าจะรั
กษาได้ สามารถตัดต่อยีนโดยการนำส่งระบบ CRISPR เข้าไปเพื่อแก้ไขความผิดปกติ ในตัวคนไข้ได้ เช่น ในคนไข้ที่มีไขมันในเลือดสู งมากและยาก็ไม่สามารถรักษาได้ จึงรักษาด้วยการใช้การนำส่งระบบ CRISPR เข้าไปเพื่อแก้ไขความผิดปกติ ของยีน เพื่อลดระดับคอเลสเตอรอล คาดว่าในปี 2569 จะมีมูลค่าตลาดที่ 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 13.6 ล้านล้านบาท - Predictive and Preventive Medicine องค์ความรู้ด้านการถอดรหัสพันธุ
กรรมทำได้รวดเร็วมากขึ้ นและราคาถูกลงอย่างมหาศาล จึงแทรกซึมอยู่ในทุกภาคส่ วนของการดูแลรักษาสุขภาพ ในอนาคตอันใกล้ มีความเป็นไปได้ว่าเด็กทุกคนที่ เกิดใหม่จะมีข้อมูลรหัสพันธุ กรรม ทำให้เราเข้าใจ ความเสี่ยงและโอกาสที่จะเกิดโรค และหาวิธีป้องกันได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์ ในการช่วยลดต้นทุนการดูแลสุ ขภาพลง - Genomic / Precision Medicine การแพทย์แม่นยำที่นำองค์ความรู้
ด้านการถอดรหัสพันธุกรรมมาใช้ ในการรักษาโรค เพื่อที่จะได้รู้ว่าความผิดปกติ เกิดขึ้นจากตรงไหน ควรใช้วิธีการรักษาอย่างไร เพื่อให้ผลการรักษาได้ผลดีที่สุ ด ปัจจุบันการแพทย์แม่นยำขยายตั วอย่างมากในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ด้าน นายโทมัส แบรดลี่ย์-ฟลานนาแกน ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน จาก JP Morgan Asset Management International Equity Group เปิดเผยว่า ปี 2565 นับเป็นปีแห่งความผันผวน จากทั้งเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงความกังวลในเรื่องคอขวดห่
- Overweight ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้น ดังนี้
- กลุ่ม Biotech ที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง ทำให้มูลค่าหุ้นมีความน่าสนใจ ให้เน้นบริษัทที่มีนวั
ตกรรมโดดเด่น มีคุณภาพ และโอกาสเติบโตในระยะยาว - กลุ่ม Healthcare Services เน้นลงทุนในกลุ่มประกันสุ
ขภาพมากกว่าโรงพยาบาล
- Underweight รักษาระดับหรือลดน้ำหนักการลงทุ
นในหุ้นดังนี้ - กลุ่ม Pharma ไม่ได้มีการปรับลด โดยยังคงสัดส่วนที่มากที่สุ
ดในพอร์ต เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มั่นคงไม่ ผันผวนไปตามสภาพเศรษฐกิจ - กลุ่ม Medical tech มีการปรับลด หุ้นขนาดใหญ่ในบางบริษัท ที่มูลค่าหุ้นสูง
นางสาวศิริพร กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า ถ้ามองลึกลงไปในหมวดหมู่
สำหรับผู้ที่สนใจรับชมงานสัมมนา “Healthcare as important as ever” ย้อนหลัง โดยสามารถคลิกรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/watch
# # #
คำเตือน
- K–GHEALTH ระดับความเสี่ยงกองทุน: ระดับ 6 / ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน: ป้องกันความเสี่ยงบางส่วน
- โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า/
เงื่อนไขผลตอบแทน/ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน - ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติ
มจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสิ นใจลงทุน - ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนิ
นงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึ งผลการดำเนินงานในอนาคต