ด่วน! ‘ศักดิ์สยาม’ สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ‘กำแพงสนามบินดอนเมือง’ ถล่ม เดดไลน์ภายใน 30 วัน ด้าน ทอท.ยันไม่กระทบผู้โดยสาร

“ศักดิ์สยาม” สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง “กำแพงสนามบินดอนเมือง” ถล่ม เดดไลน์ภายใน 30 วัน ชี้เหตุพายุฝนตกหนัก เผยสร้างอาคารเสร็จแล้ว แต่ยังไม่เปิดใช้งาน หลังโดนโควิด-19 ระบาด ด้าน ทอท.รุดลงพื้นที่ด่วน แจงปริมาณน้ำฝนมากจนกำแพงบิดตัว ยันไม่กระทบผู้โดยสาร เร่งเก็บเศษวัสดุวันนี้ตอน 2 ทุ่ม

จากกรณีพายุถล่มท่าอากาศยานดอนเมือง ส่งผลให้กำแพงอาคารบริการผู้โดยสารบริเวณลานจอดรถรับนักท่องเที่ยว (ATTA) หรืออาคารกรุ๊ปทัวร์ ภายในท่าอากาศยานดอนเมืองพังถล่มลงมาในวันนี้ (18 เม.ย. 2565) นั้น นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เร่งตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

สำหรับอาคารดังกล่าว มีการก่อสร้างแล้วเสร็จมา 1 ปีกว่า แต่ยังไม่ได้เปิดใช้งาน เนื่องจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้างฯ ทอท. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว

สำหรับอาคารดังกล่าว สร้างเสร็จเมื่อ มิ.. 2563 เป็นอาคาร Service Hall สำหรับผู้โดยสารกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้เปิดใช้ และท่าอากาศยานดอนเมืองได้ปิดกั้นพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มเติมแก่ผู้โดยสาร โดยยืนยันว่า ไม่กระทบต่อการให้บริการ ผู้โดยสาร ซึ่งยังเดินทางได้ตามปกติโดยไม่มีความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (18 เม.. 2565) ตั้งแต่เวลา 20.00 . ทอท.จะเก็บเศษวัสดุที่ถล่มลงมาออกจากพื้นที่ และตัดคานที่มีความเสี่ยงในการถล่มลง

ด้านนายกีรติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นเกิดจากผนังของอาคารถล่มลงมา เนื่องจากเกิดฝนตกหนักและมีน้ำฝนปริมาณมาก ทำให้ตัวโครงสร้างที่รับน้ำฝนเกิดการบิดตัว แล้วกดทับกำแพง จนทำให้กำแพงอีกด้านถล่มลงมา โดยในขณะนี้ได้สั่งการให้ปิดพื้นที่บริเวณดังกล่าว เพื่อไม่ให้มีผู้โดยสารไปในบริเวณนั้น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารอย่างแน่นอน

รายงานข่าวจาก ทอท. ระบุว่า สัญญาโครงการก่อสร้างอาคารดังกล่าวนั้น ใช้งบประมาณก่อสร้างวงเงิน 207.1 ล้านบาท โดยมีผู้รับเหมา คือ บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2562 และสิ้นสุดสัญญาวันที่ 30 มิ.ย. 2563 ขณะที่การรับประกันผลงานจะหมดในวันที่ 29 มิ.ย. 2565