“WHA”กางแผนธุรกิจปี62 ดัน“กลุ่มโลจิสติกส์”รุดขยายคลังพรีเมี่ยม!!

“WHA” เปิดแผนธุรกิจปี 2562 ตั้งเป้ารายได้ และส่วนแบ่งกำไรเติบโตกว่า 70% ทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มโลจิสติกส์เตรียมขยายพื้นที่อาคารคลังสินค้าระดับพรีเมี่ยมอีก 200,000 ตร.ม. และขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT อีก 5,750 ล้านบาท ด้านกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมตั้งเป้าขายที่ดิน 1,600 ไร่ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานจะเพิ่มการผลิตน้ำ 120 ล้าน ลบ.ม ส่วนกลุ่มธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มเร่งปรับโฉมทุกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอให้เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2561 เป็นอีกหนึ่งปีที่ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป สามารถตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของประเทศไทยในฐานะผู้พัฒนาด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภคและพลังงาน รวมถึงดิจิทัลแพลตฟอร์ม ด้วยผลประกอบการ และส่วนแบ่งกำไรรวมมูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท โดยประมาณ และมีมูลค่าสินทรัพย์โดยรวม 7.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งการวางรากฐานด้านกลยุทธ์ให้แข็งแกร่ง
ยิ่งขึ้น เตรียมรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2562”

นอกจากการพัฒนาในประเทศไทยแล้ว ดับบลิว เอชเอ กรุ๊ป ยังได้เริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการเขตอุตสาหกรรมแห่งแรกในจังหวัดเหงะอาน ประเทศเวียดนาม โดยมีบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นระบบน้ำ และระบบบำบัดน้ำเสียแก่ผู้ประกอบการใน เขตอุตสาหกรรมดังกล่าว นอกจากนี้ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังได้บูรณาการการให้บริการครอบคลุมทั้งสี่กลุ่มธุรกิจ โดยมีข้อเสนอบริการที่โดดเด่น ประกอบด้วย ไฟเบอร์ออพติก (FTTx) ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา และโซลูชั่นระบบน้ำที่ส่งตรงไปยังโรงงานของลูกค้าขนาดใหญ่ในปัจจุบัน

เมื่อมองไปในปี 2562 และต่อจากนี้ ทิศทางกลยุทธ์ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป จะเน้นไปที่การยกระดับธุรกิจหลัก การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้ในธุรกิจให้มากขึ้น พร้อมเดินหน้าพัฒนาความร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรมเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่ทุกฝ่าย ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มธุรกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ให้มากที่สุด

นางสาวจรีพร กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัท เตรียมขยายธุรกิจโลจิสติกส์อีก 200,000 ตร.ม. โดยเพิ่มจำนวนพื้นที่ในครอบครองและภายใต้การบริหารจัดการของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป รวมทั้งสิ้น 2,500,000 ตร.ม. และขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT อีก 5,750 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์จะเน้นไปที่การแสวงหาความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทและผู้นำในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างมูลค่าจากนโยบายของภาครัฐ โดยเน้นไปที่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ การบินและอากาศยาน ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าที่สูงยิ่งขึ้นโดยอาศัยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมเข้ามาช่วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายพื้นที่ภายใต้การครอบครองและบริหารจัดการที่มีอยู่จำนวน 2,300,000 ตร.ม. เป็น 2,500,000 ตร.ม.

และยังมีโครงการที่เตรียมดำเนินการก่อสร้างในปี 2562 ได้แก่ โครงการดับ บลิวเอชเอ อี-คอมเมิร์ซพาร์ค จังหวัดฉะเชิงเทรา โครงการดับบลิวเอชเอ-เจดี อี-คอมเมิร์ซ เซ็นเตอร์ และโครงการดับ บลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง 2 นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจ
โลจิสติกส์ยังมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อขยายการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศ CLMV โดยเน้นไปที่ประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามเป็นหลัก พร้อมเดินหน้าตั้งเป้าขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT 5,750 ล้านบาทผ่านกอง REIT ของบริษัทมูลค่า 34,300 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ตอกย้ำความเป็นผู้นำในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนสู่ระดับภูมิภาค ในฐานะผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมชั้นนำของไทยสู่การเป็นผู้นำในระดับอาเซียน บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการและสภาพแวดล้อมที่มีมาตรฐานระดับโลกภายในนิคมฯ ของดับบลิวเอชเอ เพื่อรับประกันถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้า และในปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่งในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้มีนิคมฯ ที่ดำเนินการแล้วรวม 11 แห่ง โดย 10 แห่งตั้งอยู่ในประเทศไทย (ในจำนวนนี้ นิคมฯ 9 แห่งได้รับการรับรองให้เป็นพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซีและอีกหนึ่งแห่งในประเทศเวียดนาม ปัจจุบัน ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ มีที่ดินรวมทั้งสิ้น 68,500 ไร่ ซึ่งในปีนี้ บริษัทเตรียมที่จะพัฒนาที่ดินจำนวน 2,650 ไร่ ทำให้มีที่ดินที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานและที่ดินส่วนที่กำลังพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็น 43,150 ไร่ และตั้งเป้าขายที่ดิน 1,600 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ (S-curve) ทั้ง 12 กลุ่ม

กลุ่มธุรกิจบริการสาธารณูปโภคและพลังงาน ตั้งเป้าการผลิต และจำหน่ายน้ำที่ 120 ล้าน ลบ.ม. เล็งผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตามสัดส่วนการถือหุ้น 570 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงเชิงพาณิชย์ และพลังงานทดแทน พร้อมเสริมโซลูชั่นระบบน้ำและพลังงานใหม่ๆ แก่ลูกค้า

ธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เตรียมขยายบริการด้านการผลิตน้ำออกไปยังนิคมฯ อื่นๆ ทั้งในไทยและเวียดนาม รวมถึงเสริมบริการต่างๆ อาทิ การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ การผลิตน้ำด้วยระบบรีเวอร์สออสโมสิส และน้ำอุตสาหกรรมปราศจากแร่ธาตุ นอกจากนี้ ยังมีการคิดค้นนวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) มาใช้สำหรับสมาร์ทวอเตอร์โซลูชั่น เฟสแรก ที่นิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) ด้วย

ด้านธุรกิจพลังงาน บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ยังคงเดินตามเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการด้านพลังงานที่ครบวงจรแก่
ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะเน้นที่พลังงานทางเลือกเป็นหลัก โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยและเวียดนาม

กลุ่มธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มเร่งปรับโฉมทุกนิคมอุตสาหกรรมในเครือให้เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบในปี 2562 ปัจจุบัน บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท จำกัด มีดาต้าเซนเตอร์ทั้งหมด 4 แห่ง ซึ่งในที่นี้รวมถึงการเข้าร่วมทุนกับทางซุปเปอร์แนป ที่เป็นดาต้าเซนเตอร์ระดับเทียร์ 4 แห่งเดียวในเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมออสเตรเลีย) ด้วย

“เราเชื่อมั่นว่าในปี 2562 นี้ เราจะสามารถสร้างผลประกอบการที่โดดเด่นด้วยแผนงานต่าง ๆ ที่เราได้ดำเนินการมาและโครงการต่าง ๆ ในอนาคตที่เรามีอยู่ โดยคาดว่ารายได้และ
ส่วนแบ่งกำไรจะเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา” นางสาวจรีพร กล่าว