‘นัก กม.’ แนะหน่วยงานรัฐฯ เช็คให้ชัวร์ก่อนซื้อ ‘รถ EV’ นำเข้าทั้งคัน หวั่นซ่อมไม่ได้ต้องจอดทิ้ง หลังในไทยยังไม่รองรับ
“นัก กม.” แนะหน่วยงานรัฐฯ ลุยตรวจสอบเอกสาร–โรงงานผลิตก่อนสั่งซื้อรถ EV หลังพบมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังย่านปทุมฯ ซื้อรถโดยสารไฟฟ้านำเข้าจากจีนทั้งคัน ไร้อะไหล่ในไทยรองรับ พร้อมประสบปัญหาซ่อมบำรุงต้องจอดรถทิ้ง
นายวีระศักดิ์ ยอดอาจ ที่ปรึกษากฎหมายชมรมสื่อออนไลน์ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริหารของมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังย่านปทุมธานี กรณีมหาวิทยาลัยฯ ได้มีการจัดซื้อจัดจ้างรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV) ตามโครงการ Green University หรือ มหาวิทยาลัยสีเขียว เพื่อจัดบริการรับส่งนักศึกษาของมหาวิทยาลัย จำนวน 7 คันเป็นรถไมโครบัสขนาด 20 ที่นั่ง นำเข้าจากประเทศจีนทั้งคัน เป็นเงินงบประมาณปี 2561 รวมเป็นกว่า 15 ล้านบาท แต่เวลานี้ประสบปัญหาไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากชิ้นส่วนของระบบต่างๆภายในตัวรถ อาทิ ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ ระบบส่งกำลังขับเคลื่อน และระบบประมวลผลการช่วยขับขี่ ไม่มีอะไหล่ในไทยมาทดแทนต้องนำเข้าจากจีนเท่านั้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้ทำหนังสือแจ้งไปยังบริษัทผู้จัดจำหน่ายและนำเข้ารถโดยสาร EV ให้กับมหาวิทยาลัยเพื่อขอให้ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข เพราะต้องสั่งซื้อชิ้นส่วนจากจีนอย่างเดียว ขณะที่มหาวิทยาลัยต้องเสนอขอตั้งงบฯ เพื่อนำมาใช้ในการซ่อมบำรุง เพราะไม่ได้ตั้งงบฯ ไว้ล่วงหน้า เนื่องจากไม่คิดว่า จะพังเร็วขนาดนี้ ทำให้ต้องจอดรถทิ้งไว้ ส่งผลให้สิ้นเปลืองงบฯ และไม่คุ้มค่าต่อการใช้งาน ดังนั้น จึงต้องการให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์กับมหาวิทยาลัยอื่นๆ รวมทั้งส่วนราชการที่กำลังจะจัดซื้อยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ขอให้ตรวจสอบบริษัทที่จัดจำหน่ายและนำเข้าให้ดีว่า มีโรงงานชิ้นส่วนในไทยหรือไม่ ไม่เช่นนั้น จะเกิดความเสียหาย และไม่คุ้มทุนเช่นเดียวกัน
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้รับข้อมูลว่ามีบริษัทนำเข้ายานยนต์พลังงานไฟฟ้าหลายราย ไปเสนอขายรถโดยสารไฟฟ้าให้กับส่วนราชการและมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ตามนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนให้นำรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเข้ามาใช้ในราขการแทนรถเดิมที่หมดอายุการใช้งาน หรือที่ต้องจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อรองรับภารกิจใหม่หรือผู้ดำรงตำแหน่งใหม่ โดยให้ส่วนราชการที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) ถือปฎิบัติอย่างเคร่งครัด โดยอ้างว่ามีโรงงานผลิตในไทย ทั้งที่นำเข้าจากจีนทั้งคัน
พร้อมแจ้งว่า มีการรับประกันและดูแลหลังการขาย แต่ความจริงไม่มีอะไหล่ในไทยรองรับ จึงขอให้หน่วยงานตรวจสอบให้ดีโดยเฉพาะเอกสารโรงงานที่ผลิต ว่ามีใบรับรองจากสภาอุตสาหกรรม หรือกรมศุลกากร หรือสถาบันยานยนต์ หรือกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ ซึ่งการนำเข้ารถทั้งคันจะจ่ายภาษีต่ำกว่าความเป็นจริงหรือที่เรียกว่า Under value ทำให้รัฐเสียประโยชน์ ซึ่งเรื่องนี้กรมศุลกากรสามารถที่จะตรวจสอบย้อนหลังได้แม้เวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม ดังนั้นขอให้หน่วยงานตรวจสอบอย่างละเอียด หรือถ้าให้ดีควรไปดูโรงงานจริงเพื่อความมั่นใจ
นอกจากนี้ แนวปฎิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563 ระบุว่า หน่วยงานของรัฐต้องใช้วัสดุหรือครุภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศไม่น้อยกว่า 60% ของวัสดุหรือครุภัณฑ์ที่จะใช้ในงานจ้าง กรณีที่หน่วยงานของรัฐจะไม่ใช้พัสดุที่ผลิตภายในประเทศ หรือใช้ไม่ครบ 60% ให้หน่วยงานของรัฐเสนอผู้มีอำนาจเหนือขึ้นไปหนึ่งขั้นเพื่อพิจารณาเห็นชอบก่อน
ขณะเดียวกัน ให้จัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่ได้รับการรับรองและออกเครื่องหมายสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย ซึ่งโรงงานผลิตในไทยต้องมีมาตรการ ISO 9001 ต้องใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศไม่น้อยกว่า 50% ต้องมีการชุบสีผ่านกระบวนการEDP เพื่อป้องกันสนิท และศูนย์บริการต้องได้มาตรฐาน ISO 9001 ดังนั้นนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้ซื้อสินค้าภายในประเทศถือว่าเป็นทางออกที่ดี ทั้งยังช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศไทยด้วย