‘ศักดิ์สยาม’ นั่งหัวโต๊ะ กบร. ย้ำความพร้อมเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ รับฤดูท่องเที่ยว พ่วงไฟเขียวขยายมาตรการช่วยเหลือสายการบินเพิ่ม 3 เดือน

กบร. เน้นความพร้อมเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ รับฤดูท่องเที่ยว พ่วงเตรียมการสถานการณ์น้ำท่วม-ป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ ด้าน “ศักดิ์สยาม” ไฟเขียวขยายมาตรการช่วยเหลือสายการบินอีก 3 เดือน เพิ่มสภาพคล่องผู้ประกอบการรองรับเปิดประเทศเฟส 2

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ครั้งที่ 10/2564 วันนี้ (18 ต.ค. 2564) ว่า ที่ประชุม กบร.ได้ย้ำนโยบายเตรียมความพร้อมสูงสุดในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว 1 พ.ย. 2564 พร้อมให้ทุกหน่วยเฝ้าจับตาและเตรียมมาตรการรองรับในกรณีที่เกิดน้ำท่วมซึ่งอาจส่งผลกระทบกับสนามบิน หรือการเดินทางเข้าออกสนามบินของผู้โดยสาร

นอกจากนี้ ยังให้ระมัดระวังและเพิ่มมาตรการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์โดยเฉพาะแรนซัมแวร์ (Ransomware) ที่เจาะเข้ามาล็อคไฟล์ไม่ให้ใช้ได้ แล้วเรียกค่าไถ่จากเจ้าของข้อมูลเพื่อแลกกับรหัสผ่านในการปลดล็อค โดยให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ประสานกรมท่าอากาศยาน (ทย.), บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท., บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และสายการบินต่างๆ ตรวจสอบและเพิ่มมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบ โดยเฉพาะในช่วงที่การบินกำลังกลับมาเพิ่มขึ้นในฤดูท่องเที่ยวตามแผนการเปิดประเทศรอบล่าสุดของรัฐบาล

อีกทั้ง กบร. ยังได้มีมติให้ขยายมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการสายการบินต่อไปอีก 1 ไตรมาส เพื่อเพิ่มสภาพคล่องด้านการเงินให้กับผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศระยะที่ 2 และเห็นชอบแผนการดำเนินการตามนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ ที่ กพท.เสนอ ตามประกาศคณะกรรมการการบินพลเรือนเรื่องนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล

นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการสายการบินว่า เดิม กบร. ได้เห็นชอบการบรรเทาผลกระทบของสายการบินอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด–19 ครอบคลุมจนถึงไตรมาส 3/2564 และมีการพิจารณานโยบายความช่วยเหลือเป็นรายไตรมาส เพื่อประเมินสถานการณ์เป็นระยะ แต่การแพร่ระบาดหนักในระลอกใหม่ตั้งแต่ ก.ค. 2564 ทำให้ผู้โดยสารในไตรมาส 3/2564 ลดลงอย่างมากและสายการบินขอตารางเวลาบินเพียงประมาณ 39% ของขีดความสามารถที่สนามบินรองรับได้ ทำให้สายการบินยังได้รับผลกระทบอย่างหนัก

ทั้งนี้ ล่าสุดสำหรับไตรมาส 4/2564 ที่ประชุม กบร. จึงมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายมาตรการช่วยเหลือสายการบินอีก 1 ไตรมาส เพื่อเป็นการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทย และสอดคล้องกับนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาลในระยะที่ 2 โดยมีนโยบายการช่วยเหลือ ดังนี้

  1. ให้ กพท. ขยายระยะเวลาชำระหนี้ (Credit Term) และยกเว้นเงินเพิ่ม (ค่าปรับ) ให้กับสายการบินที่นำส่งค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกประเทศล่าช้า ในไตรมาส 4/2564 ซึ่งอยู่ในระหว่างเสนอเรื่องต่อที่ประชุมคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
  2. ให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ดำเนินมาตรการปรับลดค่าบริการสนามบิน (Landing and Parking Charges) ลงอัตรา 50% สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ และยกเว้นการจัดเก็บค่าบริการที่เก็บอากาศยาน (Parking Charge) ให้แก่สายการบินที่ทำการหยุดให้บริการชั่วคราวในไตรมาส 4 และ ทอท. มีมาตรการที่จะเลื่อนกำหนดชำระค่าบริการสนามบินและค่าเครื่องอำนวยความสะดวก (Aircraft Service Charge) สำหรับงวดชำระ เม.ย.-ธ.ค. 2564 ออกไปงวดละ 9 เดือน และให้ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 12 งวดชำระ
  3. กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราค่าเช่าสำหรับทุกกิจกรรมในอัตราค่าเช่าไม่ต่ำกว่าที่กรมธนารักษ์กำหนดเป็นระยะเวลา 6 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564-31 มี.ค. 2565)

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า สำหรับแผนการดำเนินการตามนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ ตามที่เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2564 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ ตามที่ กบร.เสนอ และวันที่ 14 ก.ย. 2564 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการการบินพลเรือนแห่งชาติ เรื่อง นโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 2564 เป็นต้นมานั้น

ทั้งนี้ จึงมีมติให้ กพท. ดำเนินการตามประกาศดังกล่าว โดยให้จัดทำแผนการดำเนินการตามนโยบายการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติและให้นำเสนอ กบร. ซึ่งในที่ประชุมครั้งนี้ กพท. ได้เสนอแผนดังกล่าวโดยมีกรอบการจัดทำแผนรวม 8 ด้าน คือ กรอบการจัดทำกฎหมาย การกำหนดมาตรฐาน การบังคับใช้กฎหมาย การประสานงาน การรับฟังความคิดเห็น การจัดสรรทรัพยากร การสร้างความตระหนัก และการส่งเสริมบุคลากร

โดยมุ่งหวังให้การดำเนินงานในด้านต่างๆ ตามแผนฯ จะช่วยยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนของไทยให้ดียิ่งขึ้นไป ซึ่งจะส่งผลให้ประชาคมระหว่างประเทศเชื่อมั่นในการขนส่งทางอากาศของไทยและมีมาตรฐานระดับสากล สอดรับกับมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ