ส่องเทรนด์ ‘เศรษฐกิจปีกุน’ อัดฉีดบิ๊กโปรเจ็กต์-ดันส่งออก!!

“คมนาคม” อัดงบปีกุนกว่า 3.69 แสนล้าน ลุย 41 โปรเจ็กต์ พร้อมเน้นขนส่งทางน้ำ-อากาศในอนาคต ขณะที่ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ แนะปีหน้าบริษัทขนาดเล็กต้องจับมือกัน วอนรัฐให้ความสนใจด้วย ฟาก “ส่งออก” ดันตลาดอาเซียน มั่นใจโตตามเป้า 8% ด้าน พพ. เล็งผนึกรัฐ-เอกชน เดินหน้าอนุรักษ์พลังงานในอาคาร ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์คาดรถ EV โตต่อเนื่อง ฝันปี 62 ทะลุ 37,000 คัน ส่วนการเงินฟุ้ง “ช้อปออนไลน์” สุดฮอต เทรนด์โอนเงินมาแรง

คค.ทุ่มงบ 62 วงเงิน 3.69 แสนล.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในอนาคตแผนงานของกระทรวงคมนาคมนั้น จะเน้นระบบการคมนาคมขนส่งทางด้านน้ำ และทางอากาศมากขึ้น เช่น โครงการพัฒนาท่าเรือ และโครงการศึกษาออก แบบท่าเรือ อาทิ เรือเฟอร์รี่ข้ามฟากจากอ่าวไทยไปหันหิน โครงการปรับ ปรุงท่าเรือข้ามเกาะลันตา หรือการศึกษาทำสะพานข้ามจากแผ่นดินใหญ่ไปสู่เกาะลันตาใหญ่ เป็นต้น ขณะเดียวกัน จะมีการพัฒนาในส่วนของสนามบินภูมิภาคที่ต้องขยายรองรับความต้องการของผู้โดยสาร การปรับ ปรุงที่จอดรถ การขยายลานจอดเครื่องบิน รวมถึงการปรับปรุงการให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการตรวจสอบจากหน่วยงานทางด้านการบิน
ด้านรายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2562 กระทรวงคมนาคมได้รับจัดสรรงบงบลงทุนทั้งหมด 369,199 ล้านบาท มีจำนวนสูงกว่างบประมาณที่ได้รับในปี 2561 ประมาณ 44,990 ล้านบาท แบ่งออกเป็นงบประมาณแผ่นดิน 174,935.98 ล้านบาท และงบรัฐวิสาหกิจ 194,263.06 ล้านบาท โดยมีโครงการที่จะต้องเร่งลงทุนต่อเนื่อง รวมทั้งสิ้น 41 โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จำนวน 17 โครงการ, โครงการที่รอและอยู่ระหว่างการประกวดราคา จำนวน 5 โครงการ และโครงการที่รอนำเสนอให้ คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. พิจารณาอนุมัติ จำนวน 19 โครงการ โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จำนวน 17 โครงการ
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางบกได้รับวงเงินลงทุนสูงสุด 165,189.07 ล้านบาท คิดเป็น 44.74% รองลงมาได้แก่ทางราง 153,984.69 ล้านบาท คิดเป็น 41.71% ทางอากาศ 44,150.50 ล้านบาท คิดเป็น 11.96% ทางน้ำ 5,546.61 ล้านบาท คิดเป็น 1.50% และงานด้านนโยบาย 328.17 ล้านบาท คิดเป็น 0.09%

วอนรัฐสนใจโลจิสติกส์ขนาดเล็ก
นายสายัณห์ จันทร์วิภาสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์เซลเล้นท์ บิสเนส คอร์ปอร์เรชั่น อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (EBCI) ระบุว่า ในปี 2562 บริษัทด้านโลจิสติกส์ขนาดเล็กจะพบกับความยากลำบากในการรักษาสถานภาพเดิม เนื่องจากการควบคุมกลไกทางการตลาด เงินทุน และเทคโนโลยีของบริษัทขนาดใหญ่ทั้งต่างชาติและในประเทศ ทั้งนี้ บริษัทขนาดเล็กควรร่วมมือกัน ในด้านของการแบ่งงานกัน และดำเนินการตามจุดแข็งของตน ขณะเดียวกัน ภาครัฐจะต้องให้ความสนใจในการช่วยผู้ประกอบการขนาดเล็ก ซึ่งมีบุคลากรที่เกี่ยวข้องเป็นแสนคน ทั้งด้านเงินทุน ความรู้ และเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กมีที่ยืนและที่หายใจ
“หากผู้ประกอบการโลจิสติกส์ขนาดเล็กค่อยๆ ถูกกลืนกินและเลิกกิจการ การผูกขาดระบบโลจิสติกส์จะเป็นขององค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันขององค์กรขนาดเล็กยิ่งน้อยลง ต้นทุนสินค้าของผู้ประกอบการที่ต้องอาศัยระบบโลติสติกส์จะแพงขึ้น” นายสายัณห์ กล่าว

มั่นใจส่งออกปี 62 เข้าเป้า 8%
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยว่า กรมฯ ได้จัดทำแผนผลักดันการส่งออกปี 2562 ตามนโยบายที่ได้รับจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี โดยยังคงยืนยันว่าเป้าหมาย 8% มูลค่า 276,011 ล้านเหรียญสหรัฐ จะทำได้อย่างแน่นอน เพราะได้มีการประเมินปัจจัยเสี่ยง ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน อัตราแลกเปลี่ยน น้ำมันดิบ แนวโน้มเศรษฐกิจคู่ค้าและเศรษฐกิจโลก รวมถึงได้ปรับกลยุทธ์การส่งออกที่สอดคล้องในแต่ละตลาดแล้ว ทำให้มั่นใจว่าการส่งออกของไทยจะยังขยายตัวได้
สำหรับแผนการเจาะตลาดในปี 2562 โดยตลาดที่มีแนวโน้มดีกรมฯ จะเร่งผลักดันการส่งออกอย่างหนัก มีกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับแต่ละตลาด ได้แก่ อาเซียนตั้งเป้าโต 8.3% โดยจะใช้ประโยชน์จากการเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ขับเคลื่อนกิจกรรมทั้งงานแสดงสินค้าที่จะช่วยสร้างโอกาสในการขายให้กับสินค้าไทย การโปรโมตแบรนด์ไทย การผลักดันให้คนไทยไปลงทุนในอาเซียน ผลักดันธุรกิจบริการ การมุ่งเจาะตลาดเมืองรอง ตลาด CLMV การค้าชายแดน ส่วนตลาดอื่นๆ นั้นวางเป้าไว้ เช่น ตลาดเอเชียใต้ ตั้งเป้าโต 8% ตลาดตะวันออก กลาง ตั้งเป้าโต 3% และตลาดแอฟริกาตั้งเป้าโต 10% ขณะที่ตลาดละตินอเมริกาตั้งเป้า 6% ส่วนตลาดรัสเซียและ CIS ตั้งเป้าโต 10% เป็นต้น

พพ.คิกออฟมาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงาน
นายยงยุทธ์ สวัสดิสวนีย์ รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า พพ.ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและเพิ่มประสิทธิ ภาพด้านการบริหารจัดการพลังงาน โดยเฉพาะการอนุรักษ์พลังงานในอาคารให้เป็นไปตามมาตรฐานการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (BEC) ซึ่งจะเริ่มขยายขอบเขตการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2562 ทั้งนี้ จะนำร่องบังคับใช้ BEC กับอาคารที่จะก่อสร้างใหม่หรือดัดแปลง 9 ประเภทอาคาร ได้แก่ สำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล ศูนย์การค้า โรงมหรสพ สถานบริการ อาคารชุมนุมคน อาคารชุด และสถานศึกษา โดยกำหนดอาคารที่มีพื้นที่ขนาดตั้งแต่ 10,000 ตร.ม. ขึ้นไป
“พพ.ยังคงเดินหน้ารณรงค์และการส่งเสริมให้เกิดการออกแบบอาคารอนุรักษ์พลังงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขยายมาตรการบังคับพื้นที่ของอาคารอนุรักษ์พลังงานตามเกณฑ์มาตรฐาน BEC เพิ่มมากขึ้นในอนาคต” นายยงยุทธ์ กล่าว

ปี 62 รถยนต์ EV ทะลุ 37,000 คัน
ปี 2562 คาดรถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้ามีแนวโน้มขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกทั้งการลงทุนของค่ายรถ และนโยบายรัฐที่สนับสนุน ทำให้ยอดขายรถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้าโดยรวมมีโอกาสเติบโตกว่า 76-83% จากปี 2561 คิดเป็นจำนวนอยู่ระหว่าง 37,000 ถึง 38,500 คัน โดยแบ่งเป็นยอดขายรถยนต์ไฮบริดประมาณ 25,100 ถึง 26,050 คัน หรือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดคาดว่าจะมียอดขายประมาณ 11,500 ถึง 12,000 คัน และรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ 400 ถึง 450 คัน
ทั้งนี้ จากปี 2561 ที่ผ่านมาศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้สำรวจข้อมูลพบว่า ตลาดรถยนต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรถยนต์อีโคคาร์มีแนวโน้มขยายตัว
สูง 37% ขณะที่รถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้ามียอดขายรวมทุกประเภทเติบโตกว่า 75% จากปี 2560 ส่งผลให้ตลาดรวมของรถยนต์ในประเทศขยายตัวสูงถึง 18% คิดเป็นยอดขายรถยนต์ถึง 1,030,000 คัน

เทรนด์โอนไวมาแรง!!!
มาแรงแซงทุกโค้ง ต้องยกให้กระแสการช้อปปิ้งออนไลน์ ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วยเทคโนโลยี ที่ทำให้การจับจ่ายใช้สอยสะดวกมากยิ่งขึ้นแค่คลิกนิ้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะทำอย่างไรให้ธุรกิจในแต่ละแพลตฟอร์ม ยังคงเข้าถึงผู้ใช้ได้มากที่สุด โดยธนาคารกสิกรไทย เผยข้อมูลว่า ค่าเฉลี่ยของคนปัจจุบัน มีแอพพลิเคชั่นอยู่บนมือถือคนละประมาณ 32 แอพฯจากจำนวนกว่าล้านแอพฯ ขณะที่แอพฯที่ใช้ทุกวันเฉลี่ยเพียง 8 แอพฯเท่านั้น ดังนั้นทุกอุตสาหกรรมจึงพยายามแย่งชิงกันอยู่ใน 8 แอพฯนี้ สิ่งสำคัญในการพัฒนาแอพฯ คือ แทนที่จะปล่อยให้เขาออกไปเข้าแอพฯ นั้นที แอพฯนี้ที พอโอนเสร็จแล้ว ก็เอาสลิปมาแปะ ต้องทำให้มันง่ายขึ้นกว่านั้น เพื่อให้การซื้อ-ขายไหลลื่นมากกว่า จากข้อมูลยังพบว่า คนมักโอนเงินสำหรับการช้อปปิ้งในวันธรรมดามากกว่าเสาร์-อาทิตย์ และมักอยู่ในช่วงเวลา 13.00-14.00 น. สำหรับเทรนด์การจ่ายเงินซื้อสินค้าออนไลน์ของคนไทย ทั้งเงินโอนและบัตรเครดิตยังคงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ