เปิดแผนเครือไทย โฮลดิ้งส์ หนึ่งในสายธุรกิจหลักด้านประกันและการเงินของกลุ่มทีซีซี ปี 2564 เผยเดินแผนขับเคลื่อนธุรกิจด้วย 6 กลยุทธ์ พร้อมนำเสนอและพัฒนาระบบอีโคซิสเต็มรอบด้าน บริการและผลิตภัณฑ์ สู่แพลตฟอร์มดิจิทัล พร้อมปรับโครงสร้างองค์กรรับโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำธุรกิจการเงินในประเทศไทย และขยายการให้บริการไปยังภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2568 พร้อมดันเป้ารายได้ทะยานสู่ 3 หมื่นล้านบาท ภายในปี 66
นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Thai Group (TGH) เปิดเผยว่า ในรอบกว่า 1 ปีที่ผ่านมาภายใต้วิกฤติการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่ทำให้ทั่วโลกยังต้องเผชิญกับความผันผวนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ โดยเฉพาะการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่นเดียวกับบริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ ที่ดำเนินธุรกิจด้านประกันและการเงิน โดยประกอบด้วย อาคเนย์ประกันภัย อาคเนย์ประกันชีวิต อาคเนย์แคปปิตอล อาคเนย์มันนี่ และไทยประกันภัย ก็ได้รับผลกระทบและต้องปรับตัวสู่ยุคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแบบ New Normal จึงต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มและพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าให้มากที่สุด ด้วย 6 กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โดยกลยุทธ์แรก มุ่งสร้างการเติบโต ผ่านการปรับพอร์ตธุรกิจประกันชีวิต กลยุทธ์ที่ 2. ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ กลยุทธ์ที่3. พัฒนาทักษะพนักงานและสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน กลยุทธ์ที่4. พัฒนาการใช้งานบิ๊กดาต้า เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค กลยุทธ์ที่5. สร้างกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี และกลยุทธ์สุดท้ายคือ ปรับโครงสร้างองค์กรรับโมเดลธุรกิจใหม่
“จาก 6 กลยุทธ์ เพื่อสร้างความเติบโตและมั่นคงทางธุรกิจแบบรอบด้าน บริษัทยังตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะช่วยให้คนไทยและครอบครัวของพวกเขาใช้ชีวิตหรือดำเนินธุรกิจอย่างมีความสุข ปราศจากความกังวลใจ ผ่านนวัตกรรมทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ เพื่อมุ่งสู่การเป็น “Financial as A Service” ของคนไทย ในขณะที่ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนธุรกิจอย่างต่อเนื่องไปตามพฤติกรรมของลูกค้า ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และขั้นตอนต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้บริการที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า เราจึงมุ่งเน้นในเรื่องเทคโนโลยีและข้อมูลมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ ตรงใจ เข้าถึงได้ง่าย คุ้มค่าเงิน และส่งมอบบริการแบบเทสุดใจ เพื่อให้ลูกค้ามีความสุข” นายฐากรกล่าว
สำหรับเป้าหมายการขยายตลาด นายฐากร กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต จะมุ่งสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างโดยใช้ดิจิทัลและดาต้าขยายฐานลูกค้าใหม่จากปัจจุบันที่มีลูกค้าอยู่ประมาณ 4 ล้านราย ตลอดจนสร้างการรับรู้ของแบรนด์อาคเนย์ประกันภัย อาคเนย์ประกันชีวิต ผ่าน Winning Product และการดูแลลูกค้าให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไร้ความกังวลใจ ขณะที่ธุรกิจการเงินจะเน้นสร้างประสิทธิภาพ ลดต้นทุน สร้างกำไร พร้อมวางโครงสร้างพื้นฐานและหาพันธมิตรทางธุรกิจที่ดี โดยมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจในภาพรวมให้ติดอันดับ 1 ใน 5 ของตลาด เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจการเงินในประเทศไทยและขยายการให้บริการไปยังภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2568
แต่อย่างไรก็ตาม การปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทเพื่อต้องการดันเป้ารายได้ให้ขึ้นไปสู่ 3 หมื่นล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ หรือในปี 66 ทั้งจากในส่วนของธุรกิจประกันชีวิต ประกันภัย และธุรกิจให้บริการสินเชื่อ ซึ่งจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริการ และขยายกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น ผ่านการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ รวมถึงได้เตรียมทำการรีแบรนด์ธุรกิจในเครือของบริษัทให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย สำหรับ ธุรกิจประกันของอาคเนย์ประกันชีวิต และ อาคเนย์ประกันภัย บริษัทได้เพิ่มช่องทางการขายใหม่เข้ามาเสริม โดยเฉพาะการขายประกันผ่านธนาคารซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 70% ขณะที่ช่องทางการขายผ่านตัวแทน มีสัดส่วนอยู่ที่ 30% ส่วนช่องทางออนไลน์บริษัทได้มีการขายอย่างต่อเนื่อง
สำหรับในปี 2563 ที่ผ่านมา อาคเนย์ประกันชีวิต มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 8,345 ล้านบาท คิดเป็นอันดับทางธุรกิจ อันดับ 9 มีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ที่ 96 % สูงกว่าอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 82% ด้านอาคเนย์ประกันภัย มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงอยู่ที่ 10,556 ล้านบาท คิดเป็นอันดับทางธุรกิจ อันดับ 6 ครองส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 4.1% ขณะที่ไทยประกันภัย มีการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยนวัตกรรมประกันภัยที่ทันสมัย มีเบี้ยประกันภัยรับตรงจำนวน 1,321 ล้านบาท และมีสัดส่วนเบี้ยออนไลน์ 332 ล้านบาท คิดเป็น 25% จากเบี้ยประกันภัยรับตรง สำหรับอาคเนย์แคปปิตอล ครองความเป็นผู้นำรถเช่าอันดับ 1 ในปี 2563 ด้วยรถจำนวน 22,100 คัน โดยมีลูกค้าภาครัฐ 50% ลูกค้านอกกลุ่มทีซีซี 30% และลูกค้ากลุ่มทีซีซี 20 %