GovTech Mission ผสมผสานเทคโนโลยี ร่วมยกระดับประเทศไทย

ความท้าทายของโลกอนาคต คือ การเดินหน้าอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี อย่างไรก็ตามต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างมาเป็นองค์ประกอบ ล่าสุดมีการประกาศโครงการ GovTech Mission One Nation, One Mission เพื่อเฟ้นหากลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือผู้ประกอบการ Startup ที่มีความมุ่งมั่นมาร่วมสร้างสรรค์แนวคิดและแผนงานที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีเพื่อประยุกต์ใช้ในด้านการศึกษา และด้านสาธารณสุข ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 700,000 บาท เพื่อให้ได้มาซึ่งแผนงาน หรือโครงการในรูปแบบใหม่ๆ

ทั้งนี้ ภายหลังเปิดตัวโครงการฯ มีนักวิชาการ นักการเมือง ผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่าง ๆ ได้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางเพื่อร่วมยกระดับอนาคตประเทศไทยไปพร้อมกัน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เทคโนโลมีมักมาพร้อมกับการพัฒนาและเปลี่ยนแปลง ซึ่งบางครั้งก่อให้เกิดผลกระทบทั้งด้านดีและร้าย แต่ในที่นี้สำหรับคำว่า “ผลกระทบ” หากมองในอีกแง่มุมหนึ่งก็ถือว่าเป็น “โอกาส” ได้เหมือนกัน เพราะเทคโนโลยีสามารถสร้างสรรค์ให้การดำเนินโครงการต่างๆ มีศักยภาพได้เต็มที่และทั่วถึง ซึ่งทางด้านภาคการเมืองและหน่วยงานราชการไทย ล้วนเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับการขับเคลื่อนประเทศ แต่กลับพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ช้า

และวันนี้ถึงเวลาที่จะต้องยกระดับการเมืองไทยและประเทศไทยให้เปลี่ยนแปลงรับมือกับอนาคต ซึ่งโดยส่วนตัวอยากยกระดับการเมืองก่อนเป็นอันดับแรก โดยคนที่อาสาเข้ามาต้องแข่งขันกันที่ความคิด และวิสัยทัศน์ ถกเถียงกันที่นโยบาย เพื่อให้ประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงและเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการศึกษา และด้านสาธารณสุข 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

โดยเฉพาะด้านการศึกษานั้นเราถูกสร้างความเข้าใจว่าระบบการศึกษามีส่วนทำให้เรามีความรู้ แต่ความจริงเราไม่ต้องการเพียงเท่านั้น ระบบการศึกษาต้องทำให้เราเกิดทักษะในการค้นคว้าหาข้อมูลที่ถูกต้อง สามารถต่อยอดไปสู่การเรียนรู้ด้วยตนเองในอนาคต ยกตัวอย่างเช่นทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของเยาวชนไทย ถึงแม้ว่าจะมีการเรียนการสอนมากเพียงใด การใช้ภาษาอังกฤษของเยาวชนไทยก็ยังคงเป็นปัญหา ดังนั้นจึงต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมโยงความสามารถอันหลากหลาย แล้วทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมให้มากที่สุด

โลกในปัจจุบันต้องเผชิญกับการแข่งขันทุกรูปแบบ บางเรื่องมองเป็นเรื่องผลกระทบ ขณะที่บางเรื่องมองเป็นพลังทางความคิด โดยเฉพาะพลังความคิดของภาคเอกชนเพราะทำให้เกิดนวัตกรรมสามารถสร้างบริการที่ดีให้กับสังคมได้ แต่ก็มีคำถามว่า วันนี้เราติดขัดอะไร เรื่องโครงสร้างของทางราชการหรือไม่ เพราะจะเห็นว่าคนที่มีข้อมูลมากที่สุดกลับใช้ข้อมูลน้อยที่สุดในการนำมาให้บริการประชาชน

ดังนั้น การฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้คือสิ่งที่ท้าทาย เนื่องจากภาคธุรกิจในปัจจุบันมีหลายองค์กรอาสาเข้ามาทำงานโดยไม่ได้มุ่งแสวงหากำไรเพียงด้านเดียว และคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่สะดวกสบายในสังคม อย่างไรก็ตามหากพูดถึงการที่กลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาในระบบ ก็ยังอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกกับระบบราชการ จากความต้องการที่อาจจะสวนทางกัน

โดยโครงการ GovTech Mission One Nation, One Mission ถือเป็นโครงการที่ดี ที่ผู้ประกอบการและกลุ่มคนรุ่นใหม่จะได้แสดงศักยภาพ โดยมีพี่เลี้ยงเป็นผู้เชี่ยวชาญในให้คำแนะนำต่าง ๆ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติต่อไปได้ในอนาคต

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานสมาคมฟินเทคประเทศไทย กล่าวถึงโครงการ GovTech Mission One Nation, One Mission ว่าคำว่า “disruption” ที่มักจะได้ยินบ่อยๆ น่าจะประยุกต์ใช้ได้กับคำว่า “ปฏิรูป” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนความคิดเดิมๆ แก้ไขสิ่งเดิมๆ โดยการปรับตัวเข้าสู่เทคโนโลยี แต่การปรับตัวที่รวดเร็วอาจจะทำให้สินค้าที่เคยขายอยู่เดิมตกยุคไป หรือสูญพันธุ์ไปจากตลาด อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับฟิล์มถ่ายภาพโกดัก

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานสมาคมฟินเทคประเทศไทย

 

“คนรุ่นผมนั้นมองคนในรุ่นปัจจุบันว่า มีการให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่า จึงชอบสะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ แล้วนำประสบการณ์ที่ได้มานั้นแชร์ออกไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเทคโนโลยี หลายคนจึงไปค้นคว้าหาข้อมูลมาแล้วแชร์ แตกต่างจากคนรุ่นก่อนซึ่งมีสูตรสำเร็จตั้งแต่เรียนจนก้าวสู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น ทุกอย่างต้องทำตามระบบและขั้นตอน โดยไม่มีการออกนอกลู่นอกทางหรือออกนอกระบบเลย” นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า

เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่มาช่วยลดความเลื่อมล้ำ ทำให้คนในสังคมสามารถเข้าถึงบริการในรูปแบบต่างๆ ได้ง่ายขึ้น  ที่เห็นได้ชัดเจนคือภาคการลงทุนในตลาดหุ้น นักลงทุนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี โดยลงทุน 50-100 บาท ระบบสามารถที่จะคุยกับลูกค้าได้ในจำนวน แสนคนพร้อมกัน เพราะมีระบบฐานข้อมูล (Data System) ในการประเมินความเสี่ยงและการลงทุนในปัจจุบันไม่ต้องอาศัยหลักประกัน ไม่ต้องพึ่งพาโบรกเกอร์เหมือนอดีต ใครที่ไม่ลงทุนในตลาดหุ้นถือว่าเสียเปรียบ เพราะเทคโนโลยีได้เข้ามาลดความเลื่อมล้ำทางการเงินมากขึ้นเรื่อยๆ

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวถึงผลกระทบจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีกับการบริหารจัดการภาครัฐเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายว่า คำว่า “Disruption” ไม่ใช่เรื่องใหม่ บางคนเรียกว่า “ประทุ” และ “เปลี่ยนผ่าน” คือนำสิ่งที่ดีที่สุด ราคาไม่แพงเพื่อให้คนส่วนใหญ่ในสังคมได้เอื้อมไปถึง ซึ่งในแวดวงสตาร์ทอัพใช้คำนี้กันมาก และการทำในสิ่งที่ดีกว่า เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ จนคนในสังคมให้การยอมรับ จึงกลายเป็นเรื่องใหม่ เพราะไปเปลี่ยนแปลงความคิดของคน เกิดสินค้าและการบริการที่ดีตามมา ทำให้ไปมีผลต่อการจำหน่ายสินค้าตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ

กลับมาที่ระบบการศึกษาของไทย ถือว่ายังเป็นปัญหาทั้งการศึกษาระดับมัธยมและมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาคนให้ตรงกับทักษะการทำงานในยุคปัจจุบัน ซึ่งโครงการ GovTech Mission One Nation, One Missionโดยสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย ถือเป็นโครงการที่ดีและน่าติดตาม เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ความมุ่งมั่น และมีไอเดียมาร่วมสร้างสรรค์ ในลักษณะของการนำเทคโนโลยีมาผสมผสานเพื่อยกระดับประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม การที่โครงการจะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือหลายภาคส่วน ทั้งเรื่องของการบริหารจัดงานให้ออกมาเหมือนการบูรณาการทำงานร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งจะต้องช่วยกันสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการ (Entrepreneurs)ใหม่ๆ และให้มีงบประมาณเข้ามาสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย (Future Innovative Thailand Institute: FIT) กล่าวว่า โครงการ “GovTech Mission: One Nation, One Mission – ยกระดับประเทศไทย” ซึ่งเป็นการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ Startup ไทย ที่มีความมุ่งมั่นและมีความคิดสร้างสรรค์จากทั่วประเทศ  มานำเสนอออกแบบแนวคิดและแผนงานที่ผสมผสานกับการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในด้านการศึกษา (EdTech) และด้านสาธารณสุข (HealthTech) เพื่อเพิ่มคุณภาพและโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาและสาธารณสุขไทย

โครงการฯ จะทำการเปิดรับสมัครและคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันทั้งสิ้นจำนวน 30 ทีม แบ่งเป็นด้านการศึกษา 15 ทีม และด้านสาธารณสุข 15 ทีม จากนั้นเข้าร่วมฟังบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญอาวุโสทางด้านการศึกษา สาธารณสุข การสร้างแผนงาน รวมถึงหลักการการออกแบบแผนงานในระดับประเทศ ซึ่งช่วงของกิจกรรมMentoring session and workshops จะให้สอบถามและขอคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ถกเถียงประเด็นปัญหาระหว่างทีม และนำเสนอแผนงานต่อคณะกรรมการตัดสิน เพื่อหาผู้ชนะ 3 ลำดับ จากแต่ละด้าน พร้อมชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 700,000 บาท

สำหรับผู้ประกอบการ Start up ด้านการศึกษา (EdTech) และด้านสาธารณสุข (Health Tech) ที่สนใจสมัครแข่งขัน เข้าร่วมโครงการเพื่อร่วมยกระดับประเทศไทย และเพื่อการผลักดันผลงานไปสู่นโยบายระดับประเทศ สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทาง www.GovTechmission.com โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ ถึงวันอังคารที่ 8 ม.ค.2562