“ทางหลวงฯ” เตรียมส่งมอบงานก่อสร้างทางไฮสปีดไทย–จีนช่วงที่ 1 “กลางดง–ปางอโศก” 3.5 กม. ภายในเดือนนี้ สรุปใช้เวลาก่อสร้างนาน 2 ปี 6 เดือน เหตุประยุกต์กระบวนการทำงานทล. ควบคู่ผู้คุมงานจีน–ใช้วัสดุในประเทศมากที่สุด ชูเป็นต้นแบบของโครงการในช่วงต่อไป
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ตามที่กรมทางหลวงได้ดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟช่วงกรุงเทพมหานคร–หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร–นครราชสีมา) ช่วงที่ 1 กลางดง–ปางอโศก กม.150+500-154+000 ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งเป็นไปตามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกรมทางหลวงกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยให้กรมทางหลวงดำเนินการก่อสร้างให้ ประกอบด้วยงานหลักๆ 5 งาน ได้แก่ งานย้ายรางรถไฟเดิม งานดินตัดและงานถมวัสดุในหน้าตัดคันทางรถไฟความเร็วสูง งานชั้นวัสดุ Top Layer หรืองานบดอัดวัสดุก่อนงานวางรางและหินโรยทาง งานคอนกรีตประกอบคันทางรถไฟความเร็วสูง และงานถนนบริการขนานกับคันทางรถไฟความเร็วสูง ระยะทางประมาณ 4 กม.
ทั้งนี้ ในปัจจุบันกรมทางหลวงได้ดำเนินโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ 100% และคาดว่าจะส่งมอบงานให้การรถไฟแห่งประเทศไทยภายในเดือนนี้ (ก.ย. 2563) โดยโครงการดังกล่าว จะถือเป็นต้นแบบในการดำเนินงานในช่วงต่อไปของโครงการรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้ทราบถึงกระบวนการทำงานคุณภาพของวัสดุ ทำให้สามารถใช้วัสดุภายในประเทศให้มากที่สุด ซึ่งกรมทางหลวงได้ปรับปรุงคุณภาพวัสดุ เช่น คอนกรีตเหล็กเส้น และงานชั้นวัสดุ Top Layer ให้มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานรถไฟความเร็วสูง
สำหรับโครงการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงไทย–จีนช่วงที่ 1 กลางดง–ปางอโศกนั้น ใช้เวลาดำเนินการทั้งสิ้น 2 ปี 6 เดือน ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องใช้กระบวนการทำงานของกรมทางหลวง มาประยุกต์ให้เข้ากับกระบวนการทำงานของรถไฟความเร็วสูง โดยผู้ควบคุมงานจากประเทศจีน ซึ่งทางกรมทางหลวงได้ทำงานควบคู่กับการศึกษาและเรียนรู้ เพื่อให้สามารถใช้วัสดุภายในประเทศให้ได้มากที่สุด และที่ผ่านมาได้นำเข้าวัสดุจากประเทศจีน 2 รายการ ได้แก่ ผ้าใบกันความชื้น และสายดินคิดเป็น 2% ของมูลค่าก่อสร้างรวมทั้งหมด
นอกจากนี้ กรมทางหลวงยังได้จัดทำคู่มือการก่อสร้างคันทางรถไฟความเร็วสูง ตามประสบการณ์การทำงานกับผู้ควบคุมจากประเทศจีน เพื่อให้ความรู้กับผู้ที่สนใจหรือผู้รับจ้างอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้โครงการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูง จะช่วยเสริมสร้างโครงข่ายการคมนาคมของประเทศ รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และการคมนาคมขนส่งถึงประเทศจีน อีกทั้งยังเป็นการยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อเดินหน้าประเทศไทย อย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน