‘ชัยวัฒน์’ เปิดใจนั่งตำแหน่ง ‘ปลัดคมนาคม’ 1 ปี 10 เดือน เผยเหนื่อยแต่มีความสุข ภูมิใจช่วยแก้ ‘ยุติข้อพิพาททางด่วน’ ลั่่นเหลือ 2 เดือน ลุย ‘ฟื้นฟู ขสมก.-สายสีแดง-สายสีน้ำตาลพ่วง N2’

“ชัยวัฒน์” เปิดใจนั่งตำแหน่ง “ปลัดคมนาคม” 1 ปี 10 เดือน ระบุเหนื่อยแต่มีความสุข ลั่นภูมิใจช่วยแก้ปัญหาใหญ่คมนาคม “ยุติข้อพิพาททางด่วน-ตัดสินใจการบินไทยเข้าแผนฟื้นฟู” เอ่ยปากเหลือเวลา 2 เดือนก่อนเกษียณ ลุยภารกิจฟื้นฟู ขสมก.-สายสีแดง-สายสีน้ำตาลพ่วง N2 พร้อมเดินหน้าทางคู่, ไฮสปีดไทย-จีน ต่อเนื่อง วางอนาคตคมนาคมไทย เชื่อมโลก สู่ยุคประวัติศาสตร์พัฒนาคมนาคมภาค 2

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี 10 เดือนที่ได้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม ยอมรับว่าเหนื่อย แต่ดีใจที่มีโอกาสได้เข้ามาปฏิบัติภารกิจด้านคมนาคมอย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน ทั้งนี้ ก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมนั้น ตนได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ทั้งในตำแหน่งรองผู้อำนวยการฯ และผู้อำนวยการ ระยะเวลารวม 5 ปี ส่วนตนรู้สึกเป็นสิ่งที่วิเศษในชีวิต สนุก และท้าทาย รวมถึงมีคุณค่ากับชีวิตที่ได้เรียนรู้ว่าประเทศไทยต้องการอะไรจากกระทรวงคมนาคม

“ผมเข้ามาทำงานที่กระทรวงคมนาคม และจะเกษียณในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้ ยอมรับว่าทำงานเยอะมาก แต่คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า ได้เรียนรู้ด้านการคมนาคม โดยเฉพาะตอนที่อยู่ สนข. ซึ่งตอนนั้นเปรียบเหมือนนกที่บินสูง มองเห็นมุมภาพต่างๆ ด้านล่าง ให้เห็นภาพว่าประเทศไทยต้องการคมนาคมอะไรบ้าง” นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการทำหน้าที่ปลัดกระทรวงคมนาคม ระยะเวลา 1 ปี 10 เดือนที่ผ่านมานั้น รู้สึกภูมิใจที่ได้มีโอกาสมาทำหน้าที่ปลัดฯ ได้ทำประโยชน์ด้านการคมนาคมมากมาย ทำให้ตลอดเวลาที่ทำงาน รู้สึกมีความสุข ทั้งนี้ ในช่วงก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งในเวลานั้น ตนไม่ได้ดีใจกับตำแหน่ง เนื่องจากรู้สึกว่าสูงเกินเอื้อม แต่ภูมิใจ เพราะเมื่อได้รับมอบหมายแล้ว เพราะมองว่าตนเป็นผู้มีความรู้ ความตั้งใจในการทำงาน

“ตั้งแต่ผมทำงานที่ สนข. จนมาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม ทำให้ผมได้รู้รายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะการจัดทำแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 รวม 111 โครงการ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกระทรวงฯ และถือเป็นเรื่องที่ภูมิใจ และตั้งใจจะทำให้สำเร็จ เพราะถ้าทำสำเร็จทุกโครงการ ประเทศไทยจะอยู่ได้สบายๆ 50 ปี เช่น โครงการรถไฟทางคู่, รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (แคราย-ลำสาลี), รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) เป็นต้น ผนวกรวมไปถึงการบริหารงานอย่างต่อเนื่องของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วย” นายชัยวัฒน์ กล่าว

เมื่อถามว่า โครงการหรือการดำเนินการใดที่รู้สึกภาคภูมิใจในช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตนได้แกะปัญหาของกระทรวงคมนาคมหลายเรื่อง เช่น การยุติข้อพิพาททางด่วนระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM โดยการขยายอายุสัญญาสัมปทานออกไปอีก 15 ปี 8 เดือน จนเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน รวมถึงการตัดสินใจให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ อีกทั้งยังภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ตั้งแต่เริ่มต้น เป็นต้น

ทั้งนี้ ในอีกระยะเวลาประมาณ 2 เดือนก่อนที่จะเกษียณอายุราชการนั้น ตนต้องการจะแก้ไขปัญหาหรือปฏิบัติภารกิจของกระทรวงคมนาคมให้สำเร็จในหลายโครงการที่ยังคั่งค้างอยู่ เช่น การฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รวมถึงโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต ที่จะต้องมาจัดทำรายละเอียดว่า วงเงินที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขอเพิ่มวงเงิน 10,345 ล้านบาทที่กระจายอยู่ในทุกสัญญานั้น มีความจำเป็นหรือไม่ และแผนการเปิดให้บริการเป็นอย่างไร ก่อนที่จะไปชี้แจงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้รับทราบต่อไป

นอกจากนี้ จะเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี จะสร้างพร้อมกับทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือเชื่อมการเดินทางฝั่งตะวันออก-ตะวันตก ที่ได้หารือร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเสนอให้ ครม.พิจารณาภายใน 2 เดือนก่อนที่ตนจะเกษียณอายุราชการ ขณะเดียวกัน จะเดินหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ที่ต้องดำเนินการต่อ เพราะถือเป็นระบบการคมนาคมที่ดีของอนาคต

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมานั้น ถือเป็นอีก 1 โครงการที่กระทรวงคมนาคมได้เดินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่อง และมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะคำตอบไม่ใช่แค่การลงทุนหลักแสนล้าน แต่สิ่งที่จะได้ คือ การเชื่อมกับประเทศจีน ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจของโลก และส่งผลต่อประเทศอื่นๆ มากมาย มีความคุ้มค่าจากสิ่งที่ลงทุนกับอนาคตของประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และสังคมด้วย หากเราไม่สามารถเชื่อมต่อได้ จะทำให้ตกขบวน และล้าหลังประเทศอื่นๆ

“งานของกระทรวงคมนาคม คือ การทำงานสำหรับอนาคต สิ่งที่รัฐบาล และกระทรวงคมนาคมลงทุนไปนั้น ไม่เพียงแค่ส่งผลภายในประเทศ แต่ยังเชื่อมโยงโลกด้วย โดยเฉพาะในส่วนของระบบราง ที่ผมให้น้ำหนักเรื่องการพัฒนาระบบรางมากๆ ซึ่งภาพการลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมของไทยในครั้งนี้ ถือเป็นภาคที่ 2 ของประวัติศาสตร์ไทย หลังจากภาคแรก คือ ในช่วงของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ซึ่งโครงการทั้งหลายที่อยู่ในแผนนั้น ถ้าทำสำเร็จใช้ไปได้อีก 100 ปีสบายๆ คุ้มค่ากับประเทศไทยมากๆ” นายชัยวัฒน์ กล่าว