SMEs Pro-active ผลตอบรับถล่มทลาย!!

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าฯ สภาผู้ส่ง-สินค้าทางเรือฯ และสมาคมธนาคารไทยเปิดตัวโครงการ SMEs Pro-active ระยะที่ 3 อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้สโลแกน “SMEs Pro-active ก้าวไกลสู่ตลาดโลก

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน เปิดตัวโครงการ SMEs Pro-active ระยะที่ 3 และได้มีการจัดประชุมคณะกรรมการโครงการ SME Pro-activeในวันที่ 2 ต.ค.61 ที่ผ่านมา

โดยการประชุมดังกล่าวได้มีการคัดเลือกผู้ประกอบการจำนวนมากกว่า 200 ราย เข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติในต่างประเทศในช่วงเดือนพ.ย.61 – ก.พ.62 จำนวนทั้งสิ้น 52 กิจกรรม ซึ่งโครงการ SMEs Pro-active ระยะที่ 3 ได้มีการปรับหลักเกณฑ์เพื่อให้เข้าถึงและครอบคลุมผู้ประกอบการในทุกระดับมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นปีแรกที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในกลุ่ม Startup สามารถเข้าร่วมโครงการได้

นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวย้ำถึงความสำคัญในการมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ฐานราก และ Startup โดยได้ร่วมมือกับสถาบันนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ขับเคลื่อนความร่วมมือแบบบูรณาการ ทั้งฐานข้อมูลนิติบุคคลที่จดทะเบียน Startup กับทาง NIA และเตรียมการจัดหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับกลุ่ม Tech Startup ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในเวทีระดับนานาชาติ และในอนาคตอันใกล้ DITP จะเพิ่มประเภทสมาชิกกรมในกลุ่ม Startup อีกด้วย

นอกจากนี้ DITP ได้ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมฯ จัดหลักสูตรความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออกออนไลน์และกิจกรรม workshop สำหรับผู้ประกอบการในภูมิภาค เพื่อเตรียมความพร้อมและขยายโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการในต่างจังหวัด ซึ่งหลังจากสำเร็จหลักสูตรและมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์โครงการ สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ SMEs Pro-active ได้ในทันที ซึ่งจะสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยตัวเล็กได้ก้าวอย่างมั่นใจสู่เวทีการค้าสากล

โครงการ SMEs Pro-active หรือโครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม คือ โครงการที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและบริการในงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติในต่างประเทศและกิจกรรมที่สร้างโอกาสการค้าและเครือข่ายธุรกิจในต่างประเทศ โดยผู้ประกอบการสามารถสมัครเข้าร่วมงานด้วยตนเอง โดยเลือกตามกลยุทธ์การตลาดและความต้องการของแต่ละบริษัท หรือเลือกเข้าร่วมงานที่สอดคล้องกับประเภทสินค้าและธุรกิจบริการของตนเองได้ โดยได้รับวงเงินสนับสนุนสูงสุดรายละ 200,000 บาทต่อครั้ง