‘ศักดิ์สยาม’ สั่งผู้ว่ารถไฟฯป้ายแดง เร่งสานต่อโปรเจกต์ ด้าน ‘นิรุฒ’ เด้งรับนโยบายฯ ถือฤกษ์เข้าทำงาน 24 เม.ย.นี้ ประเดิมถกร่วมพนักงาน-สหภาพฯ สร้างความเข้าใจ

“ศักดิ์สยาม” สั่ง “ผู้ว่ารถไฟฯ” ป้ายแดง เร่งเดินหน้าสานต่องานโปรเจ็กต์ พร้อมกล้าทลายทุกข้อจำกัด ควบคู่ธรรมาภิบาล หวังสร้างงานมีประสิทธิภาพ ด้าน “นิรุฒ” ขานรับ ถือฤกษ์เข้าทำงาน 24 เม.ย.นี้ ประเดิมถกร่วมพนักงาน-สหภาพฯ สร้างความเข้าใจ พร้อมสานต่องานรถไฟ-ลุยแผนฟื้นฟูฯ-เร่งแก้ปัญหาโควิด 

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เข้าพบว่า ตนให้นโยบายและหลักในการทำงานกับนายนิรุฒ ผู้ว่า รฟท.คนใหม่ กล่าวคือ ให้ทำงานสานต่อโครงการที่รัฐบาล และกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการอยู่ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ด้วยหลักธรรมภิบาล โปร่งใส รวมทั้งให้เร่งรัดการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ พร้อมทั้งร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จนถึงระดับพนักงาน ทั้งนี้ ต้องทลายทุกข้อจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพ ไร้ปัญหา และที่สำคัญ คือ การทำงานต้องอยู่บนพื้นฐานระเบียบข้อกฎหมายเป็นหลักสำคัญด้วย

ด้าน นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติแต่งตั้งตนให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่า รฟท. คนใหม่ โดยในขั้นตอนต่อไปนั้น ต้องรอการลงนามในสัญญาจ้าง ซึ่งคาดว่าน่าจะภายในสัปดาห์นี้ หรืออย่างช้าสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ เมื่อได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่แล้วนั้น สิ่งแรกที่ตนจะดำเนินการ คือ การพบพนักงาน รฟท. และ สหภาพฯ รฟท.ก่อน เพื่อทำความรู้จักกัน และเข้าใจสิ่งที่เป็นแนวทางที่จะทำงานร่วมกัน โดยเป้าหมายแรกที่สำคัญ คือ การเข้ามาดูแลปรับปรุงสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ที่พนักงาน รฟท. ควรจะได้รับ ซึ่งตนต้องการให้พนักงาน รฟท. มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เนื่องจากพนักงาน ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะผลักดันให้รถไฟไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ และเป็นจักรกลสำคัญในการหารายได้ พัฒนาบริการการขนส่งที่ดีแก่ผู้ใช้บริการ

นอกจากนี้ จะเข้ามาดูแลในเรื่องของการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อลดการแพร่ระบาดอย่างจริงจัง พร้อมจัดสุขอนามัยที่ดีให้กับพนักงานเพิ่มขึ้น เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไปโดยเร็ว ในส่วนของการให้บริการในช่วงที่มีไวรัสโควิดแพร่ระบาดนั้น ก็จะต้องจัดขบวนรถให้บริการเท่าที่จำเป็น แต่ก็ไม่ได้จะหยุดให้บริการเลย เนื่องจากรถไฟถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ ในส่วนการสานงานต่อในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ที่ รฟท. ดำเนินการอยู่ อาทิ โครงการรถไฟทางคู่, รถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินนั้น จะเดินหน้าสานต่องานให้เป็นไปตามเป้าหมายนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม

“ไม่ได้รู้สึกหนักใจกับปัญหาภาวะขาดทุน เนื่องจากเป้าหมายในการทำงานต้องการเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว โดยขอเวลาศึกษารายละเอียดแผนฟื้นฟูทั้งหมด เพื่อที่จะให้ รฟท.เดินหน้าพ้นจากปัญหาการขาดทุนสะสมกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งหลังจากลงนามในสัญญาจ้างกลางเดือน เม.ย.นี้ก็จะเริ่มงานทันทีเพราะมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการมากมาย” นายนิรุฒกล่าว

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ระบุว่า สำหรับโครงการสำคัญของ รฟท. ที่ต้องเร่งดำเนินงานนั้น แบ่งเป็น โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ได้แก่ รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 โครงการ, รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน( ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา),โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ,รถไฟชานเมือง (รถไฟฟ้า) สายสีแดง 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงบางซื่อ-รังสิต และงานเดินรถ และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ทั้งนี้ ในส่วนโครงการที่เตรียมเปิดประมูลและผลักดันให้ ครม.เห็นชอบ ได้แก่ รถไฟชานเมือง (รถไฟฟ้า) สายสีแดง 4 ช่วง คือ ช่วงรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ,ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา ,ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช, ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง และบางซื่อ-หัวหมาก

อีกทั้ง ยังมีโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 โครงการ คือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และช่วงบางไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ,รถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย, ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่, ช่วงขอนแก่น-หนองคาย, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี, ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี, ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา, ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ วงเงินรวมทั้งสิ้น 493,149 ล้านบาท

รายงานข่าวจาก รฟท. ยังระบุอีกว่า นายนิรุฒ เตรียมที่จะเข้าเซ็นสัญญาภายในสัปดาห์นี้ และตั้งเป้าหมายที่จะเข้าเริ่มงานวันแรกในวันที่ 24 เม.ย. 63 นี้ เพื่อจัดการงานเร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีพนักงาน รฟท. ติดเชื้อ และต้องมีการกักตัวอยู่จำนวนหนึ่ง