‘คมนาคม’ ปรับแผนช่วง ‘เคอร์ฟิว’ สั่งด่วนเพิ่ม ‘รถเมล์-รถไฟฟ้า’ ก่อนเปิด-ปิดให้บริการตามประกาศฯ

“ศักดิ์สยาม” สั่งด่วน! “รถเมล์-รถไฟฟ้าW เพิ่มจำนวนรถให้บริการประชาชนก่อนเวลาเคอร์ฟิว “4 ทุ่ม-ตี 4” หลังโดนร้องเรียนรถไม่พอใช้บริการ พร้อมย้ำ ต้องใช้มาตรการ “Social Distancing” อย่างเข้มงวด

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ผู้ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ เช่น องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.), การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ให้เพิ่มจำนวนพาหนะที่ให้บริการประชาชน ในช่วงก่อนเวลาเคอร์ฟิว 22.00 น. และก่อนเริ่มวันใหม่ เวลา 04.00 น. ทั้งนี้ ให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. 2563 เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน ผู้ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ จะยังต้องปฎิบัติตามหลักเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด

รถไฟใต้ดิน MRT ประกาศปรับลดค่าโดยสาร 50% ให้นักเรียนนักศึกษารับ ...

ด้านนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า รฟม.จะมีการหารือกับ BEM ทันที เพื่อเพิ่มความถี่ของขบวนรถที่เข้าสถานีในช่วงเช้าที่เปิดให้บริการ และช่วงก่อนปิดให้บริการตามประกาศเคอร์ฟิวของภาครัฐ (22.00น.-04.00 น.) อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า รถขบวนสุดท้ายที่จะออกจากสถานี คือ เวลา 21.30 น. ดังนั้นผู้โดยสารที่จะเดินทางกลับเคหสถาน จะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางด้วย นอกจากนี้ ยอมรับว่าในช่วงที่ รฟม. มีการจัดเดินรถแต่ละขบวนโดยในตู้โดยสารทุกตู้มีการจัดทำระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ส่งผลให้รถแต่ละขบวน ซึ่งปกติจะรับผู้โดยสารได้สูงสุด 1,000 คน แต่ปัจจุบันจะรับผู้โดยสารได้ประมาณ 100 คนเท่านั้น

ขณะที่ นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ กล่าวว่า ในส่วนของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ จะดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม โดยความถี่ของรถที่เข้าสถานีในช่วงเปิดให้บริการและก่อนปิดให้บริการตามประกาศเคอร์ฟิว จะปรับลดระยะห่างของรถจากเข้าสถานีทุก 10 นาทีเป็น 8 นาที ทั้งนี้ ยอมรับว่า สำหรับการจัดให้ขบวนรถให้บริการตามแนวทางระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทำให้รถแต่ละขบวนรถ รองรับจำนวนผู้โดยสารที่สามารถเดินทางได้ จากขบวนละ 745 คนเหลือ 130 คน

นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก). ระบุว่า สำหรับการเดินรถ เพื่อแก้ปัญหาความต้องการใช้ในช่วงเช้าและช่วงก่อนปิดให้บริการระหว่างประกาศสถานการณ์เคอร์ฟิวนั้น ในช่วงเช้าจะมีการปรับให้รถเมล์โดยสาร ซึ่งปกติจะให้บริการคันแรกในเวลา 5.00 น แต่หลังจากนี้จะพยายามให้รถที่มีความพร้อมออกเดินรถให้ได้ก่อนเวลา 5.00 น และปรับให้ความถี่ของการออกรถเป็นความถี่เดียวกันกับชั่วโมงเร่งด่วน คือ มีรถออกจากอู่ในระยะห่างไม่เกิน 5-7 นาที

ส่วนช่วงก่อนปิดให้บริการนั้น ขสมก. จะออกรถคันสุดท้ายในเวลา 20.00 น และมีการขึ้นป้ายประกาศว่ารถคันใดจะเป็นรถก่อนครั้งสุดท้ายและรถคันใดเป็นครั้งสุดท้าย โดย ขสมก. จะมีการเพิ่มความถี่ในการเดินรถที่ออกจากอู่ปลายทาง เป็น 5-10 นาที เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในขณะนี้มีปัญหาการเดินรถใน กทม. เนื่องจากรถร่วมบริการซึ่งปกติจะมี 70-80 สาย เมื่อประสบปัญหาผู้โดยสารน้อยลง ไม่คุ้มต่อต้นทุนการเดินรถ ก็มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่หยุดให้บริการไปในช่วงนี้ ซึ่งรถร่วมบริการเหล่านี้ได้เปลี่ยนไปสังกัดขึ้นตรงต่อกรมการขนส่งทางบกแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ และอยู่ในช่วงประกาศเคอร์ฟิวนั้น มีผู้ใช้บริการรถเมล์โดยสารจำนวนมาก ได้ร้องเรียนมาที่ ขสมก. เนื่องจากการจัดระยะห่างทางสังคม ทำให้รถแต่ละคันรับผู้โดยสารได้น้อย เกิดการกระจุกตัวในการใช้บริการทั้งในช่วงเช้าและช่วงเย็น ส่งผลให้ประชาชนที่ยังจำเป็นต้องเดินทางต้องรอรถเป็นเวลาหลายชั่วโมง