‘ศักดิ์สยาม’ เร่ง 13 หน่วยงานสปีดเบิกจ่ายงบปี 63 ขู่วัด KPI หากเบิกจ่ายหลุดเป้า-ส่งผลโยกย้ายปลายปี

ศักดิ์สยามเร่ง 13 หน่วยงานเบิกจ่ายงบปี 63 วงเงิน 2.08 แสนล้าน ขู่วัด KPI มีผลแต่งตั้งโยกย้ายปลายปี พร้อมวางเป้าประกาศ TOR เม.. ลงนามสัญญา ..นี้ ยัน ..63 เบิกได้ 100%

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมประชุมเร่งรัดและติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ในส่วนของงบฯปกติของรัฐบาล ร่วมกับ 13 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า กระทรวงคมนาคมได้รับงบประมาณประจำปี 2563 วงเงิน 208,317 ล้านบาท แยกเป็น รายจ่ายประจำ 37,792 ล้านบาท หรือ 18% ของงบประมาณทั้งหมด และรายจ่ายการลงทุน 170,525 ล้านบาท หรือ 82% โดยงบประมาณดังกล่าวนั้น แบ่งเป็น รายการปีเดียว 100,442 ล้านบาท รายการผูกพันเดิม 52,122 ล้านบาท และรายการผูกพันใหม่ 17,961 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากปัญหาที่กระทรวงคมนาคมและประเทศไทยได้เผชิญอยู่ในขณะนี้ ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และปัญหาเรื่องภัยแล้ง ซึ่งไม่รวมถึงการเกิดภาวะสงครามทางเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่เมื่อปีที่แล้วนั้น กระทรวงคมนาคมจึงจำเป็นที่ต้องบริหารงบประมาณปี 2563 ให้เป็นไปตามเป้าหมายตามที่รัฐบาลต้องการซึ่งเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ คือ มี.. 2563 รัฐบาลกำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายไว้ที่ 40%, เม.. 48%, .. 57%, มิ.. 65%, .. 77%, .. 88% และ.. 100% โดยให้ปรับแผนว่า เม.. จะต้องดำเนินการประกาศเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) เพื่อหาตัวผู้รับจ้างจากนั้น ต้น .. จะเรียกลงนามในสัญญา ตนจึงได้สั่งการให้ทั้ง 13 หน่วยงานไปจัดทำแผนการดำเนินงานโครงการ และเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า สำหรับเป้าหมายที่กระทรวงคมนาคมกำหนดนั้น คือ .. ต้องเบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมให้ได้ 42% คิดเป็นวงเงิน 87,493 ล้านบาท, มิ.. จะต้องเบิกจ่ายให้ได้ 66% หรือวงเงิน 137,487 ล้านบาท, .. ต้องเบิกจ่ายให้ได้ 82% หรือวงเงิน 170,819 ล้านบาท, .. ต้องเบิกจ่ายให้ได้ 92% หรือวงเงิน 191,650 ล้านบาท ซึ่งจะตรงกับเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด และ .. จะสามารถเบิกจ่ายให้ได้ครบ 100% ทั้งนี้ ยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมายและทันตามที่กำหนดไว้ ขณะเดียวกันในวันที่ 3 เม..นี้ จะมีการประชุมการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนประจำปี 2563 ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้วย

หลังจากที่ได้คุยและกำหนดเป้าหมายนั้น ทุกหน่วยยืนยันว่า สามารถดำเนินการได้ตามที่กำหนดไว้ซึ่งผมจะนำเรื่องนี้เป็นตัวชี้วัด (KPI) ที่จะพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงปลายปี และผมได้มีการกำชับว่าเป้าหมายที่กำหนดรายเดือน ขอให้แต่ละส่วนราชการได้กำกับดูแลเป็นรายสัปดาห์ เพื่อที่จะสามารถเห็นว่ามีการดำเนินการได้ดำเนินการตามเป้าหมายหรือไม่ โดยทั้งหมดผมเชื่อว่าสามารถดำเนินการได้ หลังจากนี้จะมีการติดตามทุกเดือน และถ้ามีปัญหาอุปสรรคอะไรต้องรีบแจ้งประสานงานโครงการใดดำเนินการไม่ได้ ให้ปรับแผนและไปตกลงกับสำนักงบประมาณให้เร็วที่สุด เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณสามารถไปช้วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และทำโครงการแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ตามที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลนายศักดิ์สยามกล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในเรื่องสุขภาพของประชาชนคนไทยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่สุด จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณ เพื่อนำแก้ปัญหานั้น ได้สั่งการให้ทุกหน่วยราชการประสานงานกับสำนักงบประมาณ ในการปรับแผนการดำเนินการ โดยไม่ได้ปรับลดโครงการ แต่จะเป็นการปรับแผนผูกพันงบประมาณ เพื่อเข้าสู่ปี2564 ซึ่งจะทำให้สามารถทำงานได้ตามปกติ ทั้งนี้ยืนยันว่าทุกหน่วยงานพร้อมที่จะปฏิบัติตามเป้าหมาย

สำหรับ13 หน่วยงานที่ได้ประชุมในวันนี้นั้นประกอบด้วยสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม(สปค.), กรมเจ้าท่า(จท.), กรมการขนส่งทางบก(ขบ.), กรมท่าอากาศยาน(ทย.), กรมทางหลวง(ทล.), กรมทางหลวงชนบท(ทช.), สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.), กรมการขนส่งทางราง(ขร.), การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.), การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.), การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.), องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.)