‘BMW Group’ เปิดแผนปี 63 เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยูใหม่เสริมทัพซีรี่ส์ 3 กระตุ้นยอดขายโตต่อเนื่อง

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดศักราช 2563 เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ใหม่ เสริมแกร่งตระกูลซีรี่ส์ 3 หลังสร้างผลงานในเซกเมนต์รถหรูด้วยยอดขายจาก ซีรีส์ 7 ซีรีส์ 8 X7 และ i8 โต 39% ขณะที่มินิ คูเปอร์ เอสอี รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกขายหมดตั้งแต่วันเปิดตัว

มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า ตลอดปีที่ผ่านมาบีเอ็มดับเบิลยู ได้สานต่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นระบบผู้ช่วยส่วนตัวในรถยนต์ BMW Intelligent Personal Assistant หรือ การขายผ่านช่องทางออนไลน์ และยังรวมถึงยานยนต์ไฟฟ้า ที่บริษัทได้เปิดโรงงานประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) แห่งแรกและแห่งเดียวของภูมิภาคอาเซียนในประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู i3s ในไทย รวมถึงการเผยโฉมมินิคูเปอร์ เอสอี ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ครั้งแรกของภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังผนึกกำลังระหว่างเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วทั้งภูมิภาค ส่งผลให้เราสามารถให้การบริการที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นกับลูกค้า
สำหรับในปี 2563 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะได้ทำการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 Gran Coupe ใหม่ล่าสุด รวมไปถึงบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport รุ่นประกอบในประเทศขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และบีเอ็มดับเบิลยู 320d M Sport มีความประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเคย ซึ่งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ทั้ง 2 รุ่นนี้ จะได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพการประกอบรถยนต์ ในประเทศของโรงงานที่ระยองโดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย

ขณะที่ รถยนต์ในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปปัจจุบันมีสมาชิกในไลน์อัพรวมทั้งหมด 12 รุ่น โดยมียอดขายจากบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ เติบโตขึ้น 2.2% จากยอด การส่งมอบ 145,815 คันในปีที่ผ่านมา และได้ตั้งเป้าขยายทัพรถยนต์ในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าให้ครบ 25 รุ่นภายในปี 2566 โดยกว่าครึ่งของจำนวนนี้จะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน 100%

มร. อเล็กซานเดอร์ กล่าวต่อว่า ปี 2562 ที่ผ่านมาทั้งสามแบรนด์ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เปิดตัวช่องทางการจองออนไลน์ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่องทางดังกล่าวถือว่าได้การตอบรับเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ สถิติการส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิมีจำนวนอยู่ที่ 12,954 คัน แบ่งเป็น บีเอ็มดับเบิลยูส่งมอบรถยนต์รวม 11,750 คัน และ มินิ ส่งมอบรถยนต์ 1,204 คัน โตขึ้นถึง 15% นับเป็นยอดการเติบโตที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดมินิทั่วโลก ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู ถือว่าทำผลงานในภาพรวมระดับเดียวกับเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียม ปี 2562 แต่ได้การตอบรับที่ดีกว่าไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 8, บีเอ็มดับเบิลยู X7 และบีเอ็มดับเบิลยู i8 ที่เติบโตโดยรวมที่ 39% เมื่อเทียบปีต่อปี และรถยนต์ที่ผ่านการใช้งานแล้วตามโปรแกรม BMW Premium Selection มีอัตราการเติบโตที่ 16% เมื่อเทียบปีต่อปี

มร. บียอร์น แอนทอนส์สัน ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของ บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ได้สร้างสถิติความสำเร็จในปีที่ผ่านมาเช่นกัน ด้วยยอดสินเชื่อลูกค้าใหม่รวมกว่า 1.625 หมื่นล้านบาท และมูลค่าสินเชื่อรวมในพอร์ตที่เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 7% ซึ่งปัจจัยความสำเร็จมาจากการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยบริษัทได้พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรับประกันความเชื่อมั่นของลูกค้าด้วยข้อเสนอต่างๆ พร้อมกับยังได้ขยายข้อเสนอ BMW Premium Selection ครอบคลุมถึงรถยนต์มือสองที่ผ่านการรับรองแล้วให้ได้รับการรับประกันจากกลุ่มอลิอันซ์ด้วยเช่นกัน นับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งในพันธกิจของเรา ส่งผลให้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูเป็นรถยนต์ที่เข้าถึงได้ง่ายจากลูกค้า และเป็นตัวเลือกแรกในใจทั้งในแง่ของคุณค่า คุณภาพ และการบริการในตลาดรถยนต์มือสอง